“สมชัย” ชี้ ยุบสภาดันเลือกตั้งใหม่ 8 ก.พ. 69 กติกาเดิม–ไม่มีประชามติ

“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ชี้ผลการยุบสภา 12 ธ.ค. ย้ำกรอบเวลา 45–60 วัน คาดวันเลือกตั้งใหม่ 8 ก.พ. 69 ใช้กติกาเดิม บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หลังแก้รัฐธรรมนูญหยุดชะงัก ไม่มีประชามติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ธ.ค.68) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์อธิบายผลทางกฎหมายภายหลังการยุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Somchai Srisutthiyakornโดยระบุว่า การยุบสภาครั้งนี้ส่งผลให้สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงทันที และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายในกรอบเวลา 45–60 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งคาดว่า วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 จะเป็นวันเลือกตั้ง ขณะที่วุฒิสภา (สว.) ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากไม่อยู่ในข่ายถูกยุบสภา

นายสมชัย ระบุว่า การยุบสภาส่งผลให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระสองต้องตกไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภาชุดใหม่ยังสามารถเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวกลับเข้าสู่การพิจารณาได้อีกครั้ง ภายในระยะเวลา 60 วัน นับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรก

ขณะเดียวกัน อดีต กกต. มีความเห็นว่า การจัดทำประชามติไม่สามารถดำเนินการพร้อมกับวันเลือกตั้งได้ เนื่องจากพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติกำหนดกรอบเวลาการดำเนินการไม่น้อยกว่า 60 วัน และต้องได้รับมติจากคณะรัฐมนตรีก่อนการยุบสภา แม้ก่อนหน้านี้รัฐสภาจะมีมติส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาการทำประชามติในบางคำถามแล้วก็ตาม แต่รัฐบาลในสถานะรักษาการไม่สามารถอนุมัติเรื่องที่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดถัดไปได้

“การทำประชามติในทุกคำถามพร้อมกันในวันเลือกตั้งไม่สามารถทำได้แล้ว เนื่องจาก กม.ประชามติ กำหนดว่า ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ซึ่งหากจะทำ ครม. ต้องมีมติก่อนยุบสภา แม้ว่าเมื่อคืนทางรัฐสภาจะส่งมติให้ ครม. จะทำประชามติคำถามที่ 1 ให้ ครม. ก็ตาม แต่ ครม. จะอ้างรัฐธรรมนูญว่า ครม.รักษาการ ไม่สามารถอนุมัติสิ่งที่มีผลผูกพัน รัฐบาลชุดต่อไป” นายสมชัย ระบุ

สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหม่ อดีต กกต. ระบุว่า จะใช้กติกาเดิมทั้งหมด โดยประชาชนจะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยกระหว่างผู้สมัครแบบแบ่งเขตและพรรคการเมือง ซึ่งหมายเลขผู้สมัครและหมายเลขพรรคจะเป็นคนละหมายเลขกัน

ทั้งนี้ แม้รัฐธรรมนูญจะจำกัดอำนาจของรัฐบาลรักษาการในหลายด้าน แต่ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติและความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลยังสามารถดำเนินการได้ตามความจำเป็น อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉิน จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย กกต. มีหน้าที่กำกับดูแลไม่ให้การดำเนินการดังกล่าวเข้าข่ายการหาเสียงทางการเมือง

Back to top button