
ช่วงสั้น SET มีโอกาสปรับลงจากกังวลสุญญากาศทางการเมือง
InnovestX มองว่า Fed มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยได้ช้ากว่าคาด เนื่องจากมีคณะกรรมการหลายท่านที่ส่งสัญญาณไม่ต้องการลดดอกเบี้ยต่อเพราะกังวลเงินเฟ้อมากขึ้น
InnovestX มองว่า Fed มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยได้ช้ากว่าคาด เนื่องจาก (1) มีคณะกรรมการหลายท่านที่ส่งสัญญาณไม่ต้องการลดดอกเบี้ยต่อเพราะกังวลเงินเฟ้อมากขึ้น (2) Powell น่าจะให้เกียรติประธาน Fed ท่านใหม่ (คาด Kevin Hassatt) ในการดำเนินนโยบายการเงินสำคัญ (3) Fed มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีลักษณะเป็น Goldilocks ทำให้ความจำเป็นในการลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเศรษฐกิจลดลง แต่อาจยังต้องคงดอกเบี้ยไว้ระดับหนึ่งเพื่อคุมเงินเฟ้อ ทำให้ InnovestX ปรับการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ Fed โดยยังคงลด 1 ครั้งในปี 2569 จากการลดในการประชุมเดือน ม.ค. 2569 เป็นการประชุมเดือน มิ.ย. 2569 จากปัจจุบันที่ 3.63% สู่ 3.38% ทั้งนี้ InnovestX ปรับประมาณการเงินเฟ้อในปี 2569 ที่ 3.2% โดยยังเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีแรก และชะลอในครึ่งปีหลัง ด้านผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาว (10 ปี) ในไตรมาส 4/2568-ไตรมาส 1/2569 จะยังอยู่ในระดับต่ำจากการส่งสัญญาณ Hawkish ของ Fed แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นจาก (1) การขาดดุลการคลังที่มีแนวโน้มมากขึ้น และ (2) การเข้ามาของ Kevin Hassett ที่ตลาดมองว่ามีมุมมอง Dovish ทำให้ความเป็นอิสระของ Fed มีแนวโน้มลดลง
เงินเฟ้อผู้บริโภคจีนเร่งขึ้นเร็วสุดในรอบปีจากราคาอาหารและทองคำ แต่เงินเฟ้อผู้ผลิตหดตัว 38 เดือนติดต่อกัน สะท้อนแรงกดดันสภาวะเงินฝืด ด้าน GDP deflator จะติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทำให้ Politburo เตรียมสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้าซึ่งเป็นปีแรกของแผนห้าปี InnovestX มองว่ามาตรการการเงินการคลังจีนจะผ่อนคลายมากขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอลง
สำหรับตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาส Sideway down จากกังวลสุญญากาศทางการเมือง โดยมีแนวโน้มลงไปทดสอบฐานเดิมบริเวณ 1,230 และมีกรอบบนจำกัดที่ 1,285 โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ กนง. (ตลาดคาดปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ 1.25%), BoJ (ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ 0.75%), ECB และ BoE (ตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบาย) นอกจากนี้ยังต้องจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ย., PCE ต.ค. และตัวเลขภาคแรงงาน พ.ย. ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามไทม์ไลน์การประกาศวันเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังมีการประกาศยุบสภา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 3 ธีมเทรดดิ้งซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาดไตรมาส 4/2568 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC, BDMS, BEM, BGRIM, GULF, PTT
- หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP, DIF, KTB, PTT, TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 68 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM, KBANK, SAT, THANI, TLI
- หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในปี 2569 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL, GPSC, TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP, MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF, FTREIT, LHHOTEL
- Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกหาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสัปดาห์หน้า แนะนำ AP, GULF, GPSC, MTC, SAWAD 2) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL, CPAXT, BJC) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC, SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ และ 3) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS, BH, MINT, CPF, LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี
นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล
ผู้อำนวยการอาวุโส Equity Strategy Team
บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX