
รู้ยัง! อัตราภาษีบ้านที่ดินใหม่-ต่ำกว่า 50 ล้านไม่เสีย เริ่มต้นปีหน้า
รู้ยัง! อัตราภาษีบ้านที่ดินใหม่-ต่ำกว่า 50 ล้านไม่เสีย เริ่มต้นปีหน้า
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ (7มิ.ย.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยกเลิกกฎหมายเดิม 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 และพ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508 และนำกฎหมายฉบับใหม่นี้มาใช้เป็นกฎหมายหลักในการจัดเก็บภาษีตามมูลค่าทรัพย์สินของผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยไม่ให้กระทบกับผู้ที่มีรายได้น้อยและปานกลาง
โดยกระทรวงการคลังจะผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้ให้มีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป คาดว่าจะเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีได้ 64,290 ล้านบาทในปีแรก ซึ่งมากกว่าการจัดเก็บภาษีเดิมทั้ง 2 ฉบับที่ได้เพียง 38,318 ล้านบาท
สำหรับอัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจริง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1) ประเภทเกษตรกรรม มีอัตราเพดาน 0.2% จัดเก็บภาษีตามมูลค่าตั้งแต่โดยส่วนที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้น ตั้งแต่ 50-100 ล้านบาท จัดเก็บ 0.05% ของฐานภาษี และ 100 ล้านบาทขึ้นไปจัดเก็บ 0.1%
2) ประเภทที่พักอาศัยหลัก อัตราเพดานสูงสุด 0.5% โดยบ้านหลังแรกที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้น ตั้งแต่ 50-100 ล้านบาท จัดเก็บ 0.05% และ 100 ล้านบาทขึ้นไปจัดเก็บ 0.1% ส่วนบ้านหลังที่ 2 จะจัดเก็บตั้งแต่ 0.03% ตั้งแต่บาทแรก ก่อนปรับเป็นระดับตามมูลค่าจนถึง 0.3%
3) ประเภทพาณิชยกรรม อัตราเพดาน 2% จัดเก็บตามมูลค่าทรัพย์สิน ตั้งแต่บาทแรกถึง 20 ล้านบาท จัดเก็บ 0.3% ไปจนถึง 1.5%
4) ประเภทสุดท้ายที่ดินว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน มีอัตราเพดานสูงสุด 5% โดยจะจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี คือปีที่ 1-3 จัดเก็บ 1% ปีที่ 4-6 จัดเก็บ 2% และปีที่ 7 เป็นต้นไปจัดเก็บ 3%
นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากกฎหมายออกมาแล้วจะมีกฎกระทรวงออกมากำหนดวิธีการประเมิน ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีการประเมินตามดุลยพินิจ เพราะจะกำหนดวิธีการอย่างชัดเจน คือที่ดินจะมีการประเมินจากกรมธนารักษ์ ส่วนสิ่งปลูกสร้างจะกำหนดประเภทเอาไว้หลัก 7 ประเภท แล้วจากนั้นก็ประเมินมูลค่าเป็นตารางเมตร ว่าจะต้องเสียเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นสิ่งปลูกสร้างในลักษณะพิเศษก็ต้องใช้ปริษัทประเมินภายนอกมาทำการประเมิน และเมื่อจัดเก็บภาษีแล้วจะนำเงินที่ได้ให้กับท้องถิ่นไปพัฒนาพื้นที่ต่อไป
ส่วนกรณีของบ้านที่เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น แต่ชั้นล่างมีการค้าขาย ในส่วนแรกคือชั้นที่ 2-4 เป็นที่พักอาศัยหากมีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาทก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ในชั้นล่างที่ประกอบกิจการต้องเสียภาษีในประเภทพาณิชยกรรมด้วย ซึ่งจะจัดเก็บตามมูลค่าทรัพย์สิน ส่วนการจะคิดภาษีจากคนที่เสียนั้นจะดูจากกรรมสิทธิ์ของผู้ที่ครอบครองเป็นหลัก ทั้งที่เป็นบ้านหลังแรก หรือหลังที่สอง หรือเป็นเจ้าของที่ดินแปลงไหนปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือไม่ การจัดเก็บภาษีจะไม่มีผลกระทบกับเกษตรกรที่มีรายได้น้อย เพราะที่ดินกว่า 99.99% ของที่ดินเกษตรทั่วประเทศ มีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาท ขณะที่เจ้าของที่พักอาศัยส่วนใหญ่กว่า 99.96% มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนผู้ที่มีที่พักมูลค่าเกิน 50 ล้านบาทมีอยู่เพียง 8,556 หลังเท่านั้น และส่วนมากก็อยู่ในเมืองใหญ่
อย่างไรก็ตามการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีการบรรเทาภาระให้กับเจ้าของบ้านพักอาศัยหลักที่ได้ มาจากการรับมรดก ผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงินที่มีอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้ และกิจการสาธารณะ โดยกรณีที่เจ้าของบ้านพักอาศัยหลักได้รับกรรมสิทธิ์บ้านหลังดังกล่าวมาจากการรับมรดกก่อนที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะได้รับการลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 50% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย พร้อมให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีเป็นเวลา 1 ปี ให้กับที่ดินที่อยู่ระหว่างการปลูกสร้างบ้านที่เจ้าของใช้เป็นบ้านของตนเอง
ขณะเดียวกันยังให้จัดเก็บภาษีในอัตรา 0.05% ของฐานภาษี สำหรับที่ดินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อจัดทำเป็นโครงการที่พักอาศัยเพื่อขาย ที่นิติบุคคลที่ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์เป็นเจ้าของ เป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่เจ้าของที่ดินได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน และให้จัดเก็บภาษีในอัตรา 0.05% ของฐานภาษี สำหรับอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้ของสถาบันการเงิน เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมทั้งให้ลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 75% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย สำหรับกิจการสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ที่ผ่านมากฎหมายฉบับนี้ได้การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่เปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งกระทรวงการคลังได้พยายามทำเรื่องนี้มากว่า 20 ปี และพอถึงจุดสำเร็จก็เปลี่ยนรัฐบาลทำให้เรื่องนี้ค้างอยู่ไม่สำเร็จ แต่มาถึงตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี ที่กฎหมายได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาลแล้ว
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงการที่ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า เป็นความกล้าหาญของรัฐบาลชุดนี้ ที่แตกต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเมืองซึ่งต้องการคะแนนเสียงสนับสนุนจะไม่กล้าออกกฎหมายฉบับนี้และมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะสามารถขยายฐานภาษีได้มากขึ้น แต่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง นอกจากนี้ยังผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้เกิดความคุ้มค่า ไม่ปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวในครม.ว่า ได้เคยคุยกับผู้มีอันจะกิน ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แสดงความจริงใจที่จะเสียภาษีสนับสนุนประเทศ อย่ากังวลแต่ประการใด