“โซรอส” เตือนโหวต OUT อาจกระทบศก.-เงินปอนด์รุนแรงกว่าเมื่อปี 35

"โซรอส" เตือนโหวต OUT อาจกระทบศก.-เงินปอนด์รุนแรงกว่าเมื่อปี 35


นายจอร์จ โซรอส นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีพันล้าน ฉายาพ่อมดการเงิน ได้ออกมาเตือนว่า หากชาวอังกฤษเลือกที่จะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในการลงประชามติวันที่ 23 มิ.ย. ก็จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศ เช่นเดียวกับค่าเงินปอนด์

โดยคาดว่าผลกระทบจากการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปครั้งนี้ จะรุนแรงกว่าเหตุการณ์วิกฤตการณ์ทางการเงินที่มีชื่อเรียกกันว่า Black Wednesday เมื่อปี 2535 ซึ่งขณะนั้นได้ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษหลุดออกไปจากระบบกลไกอัตราแลกเปลี่ยนยุโรป และทำลายชื่อเสียงด้านศักยภาพทางเศรษฐกิจ

สำหรับเหตุผลที่ว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ Brexit จะรุนแรงกว่าเมื่อวิกฤติปี 2535 มหาเศรษฐีผู้นี้ได้ให้เหตุผลไว้ 3 ประการ

ประการแรก เมื่อปี 2535 ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ยังคงสามารถปรับลดดอกเบี้ยหลังค่าเงินปอนด์ทรุดตัวลงหนักได้ ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถทำได้เนื่องจากขณะนี้ดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว และหากราคาบ้านและการจ้างงานหดตัวลงจนทำให้เกิดภาวะถดถอย นโยบายการเงินก็มีศักยภาพกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากเหมือนแต่ก่อน

ประการที่สอง สมัยก่อนอังกฤษขาดดุลบัญชีเดินสะพัดน้อยกว่าปัจจุบันมาก และยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้อังกฤษได้พึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ดังนั้น หากอังกฤษถอนตัวออกจากยุโรป ก็เป็นไปได้สูงว่าจะทำให้เงินทุนเหล่านี้ไหลออกจากประเทศด้วย

ประการสุดท้าย การอ่อนค่าของเงินปอนด์หลังเหตุการณ์ Brexit ไม่น่าจะช่วยหนุนการส่งออกในภาคการผลิตเหมือนกับเมื่อปี 2535 เนื่องจากภาคธุรกิจขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนครั้งใหม่ ไม่ต้องการจ้างงานเพิ่ม และไม่กล้ายกกำลังการส่งออก

โดยเหตุการณ์ Brexit อาจทำให้คนรวยขึ้นเพียงไม่กี่คน ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่มีเงินลดลง พร้อมเตือนว่า หากประชาชนเลือกให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ก็อาจก่อให้เกิดวิกฤติการณ์ใหม่อีกครั้งอย่าง “Black Friday”

ทั้งนี้ นายโซรอสได้รับการยอมรับอย่างสูงเมื่อครั้งที่สามารถคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องในปี 2535 ว่า อังกฤษจะไม่สามารถนำสกุลเงินปอนด์เข้ารวมอยู่ในระดับอัตราแลกเปลี่ยนของยุโรปได้อีกต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่กลุ่มประเทศยูโรโซนจะประกาศใช้สกุลเงินยูโร นอกจากนี้ โซรอสยังเคยคาดการณ์ว่า สกุลเงินดอยช์มาร์คจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหลังจากการล่มสลายของกำแพงเมืองเบอร์ลิน และคาดว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะเริ่มทรุดตัวลงในปี 2532

Back to top button