ASP จ่อลงทุน Venture Capital ด้านไอทีในอิสราเอลมิ.ย.นี้

ASP จ่อทุ่ม 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุน Venture Capital ด้านไอทีในอิสราเอลมิ.ย.60 เผยเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 2 รายใน 2H60


นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร ASP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าลงทุนใน Venture Capital ประเทศอิสราเอล โดยการเข้าไปถือหน่วยลงทุนใน Venture Capital ซึ่งในช่วงแรกจะใช้เงินลงทุนมูลค่า 1-2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมิ.ย.นี้ อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อลงทุนในธุรกิจ Startup ที่เกี่ยวกับไอทีและนวัตกรรมในอิสราเอลที่บริษัทสนใจเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

สำหรับสาเหตุที่บริษัทมีความสนใจที่จะลงทุนใน Venture Capital และ Startup ในอิสราเอล เพราะมองว่าอิสราเอลมี Startup ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านไอทีและนวัตกรรมให้กับบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลกซื้อไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัทเป็นจำนวนมาก และเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับบ้านที่อยู่อาศัย โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ ทำให้บริษัทมองเห็นถึงโอกาสในด้านผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่า และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทเตรียมเงินลงทุนใน Startup และ Private Equity มูลค่ารวม 300 ล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2/60 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/60 ที่มีรายได้อยู่ที่ 635.24 ล้านบาท เนื่องจากตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 60 เริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคยังปรับตัวได้ไม่สูงเท่ากับตลาดหุ้นอื่น แต่ในแง่ของปริมาณการซื้อขายยังอยู่ในระดับที่ดีขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับ บริษัทไม่ได้แข่งขันทางด้านค่าธรรมเนียมในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ทำให้ไม่มีผลกดดันต่อรายได้ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 51%

“ปีนี้เรายังคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยุ่ที่ 20-30% ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสนใจมากที่สุดก็คือ Bottom Line มากกว่า Top Line ซึ่งเราก็พยายามทำในส่วน Bottom Line ให้เพิ่มขึ้นในทุกๆปี และเรายังคงนโยบายปันผลสูงเช่นเดิม ซึ่ง ASP ก็เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีการปันผลสูงระดับต้นๆ”นายก้องเกียรติ กล่าว

ส่วนงานวาณิชธนกิจของบริษัทในปัจจุบันมีดีลในมืออยู่ทั้งหมด 61 ดีล แบ่งเป็น ดีล IPO จำนวน 28 ดีล และดีลงานที่ปรึกษาทางการเงินทั่วไป จำนวน 33 ดีล เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 59 ที่มีจำนวน 57 ดีล โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีดีล IPO ที่จะเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รวม 2-3 ดีล จากครึ่งปีแรกที่มีดีล IPO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว 1 ดีล คือ บมจ.เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D)

นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้รับการประกันการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และตราสารอนุพันธ์ (B/E) ในปีนี้มากกว่า 1 แสนล้านบาท จากปี 59 ที่ มีมูลค่ารวม 1.3 แสนล้านบาท โดยมุมมองด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ ยังเชื่อว่าอัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียน (EPS Growth) จะอยู่ในระดับ 7-8% หรือคิดเป็นกำไรของบริษัทจดทะเบียนต่อหุ้น (EPS) ราว 100 บาท/หุ้น แต่มองว่าในไตรมาส 2 และไตรมาส 3/60 กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยจะชะลอตัวลง ซึ่งเป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมที่ส่วนใหญ่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น หลังจากที่ออกมาค่อนข้างดีในไตรมาส 1/60 และคาดว่าจะเห็นการกลับมาเติบโตของบกำไรบริษัทจดทะเบียนได้ดีขึ้นในไตรมาส 4/60 อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยเป็นการลดน้ำหนักการลงทุนลง (Underweight) เนื่องจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐหลายโครงการยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ความน่าสนใจต่อตลาดหุ้นไทยลดลง และส่งผลต่อกระแสเงินทุนที่ยังไม่ไหลเข้ามา แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 1/60 จะออกมาดีก็ตาม โดยให้คำแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ต้องติดตามปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุน และปรับพอร์ตการลงทุน โดยการถือเงินสดมากขึ้น

Back to top button