TNR พุ่งกว่า 7% นิวไฮในรอบ 2 เดือน รับผลดียอดขายพุ่ง หนุนรายได้ H2/60 โตเด่น

TNR พุ่งกว่า 7% นิวไฮในรอบ 2 เดือน รับผลดียอดขายพุ่ง หนุนรายได้ H2/60 โตเด่น ล่าสุด ณ เวลา 12.22 น. อยู่ที่ 20.90 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 7.18% สูงสุด 21.10 บาท ต่ำสุด 19.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 34.88 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ล่าสุด ณ เวลา 12.22 น. อยู่ที่ 20.90 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 7.18% สูงสุด 21.10 บาท ต่ำสุด 19.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 34.88 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.09% ทั้งนี้ ราคาหุ้น TNR ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ระดับ 21 บาท เมื่อวันที่ 17 ส.ค.60

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ คาดว่ามาจากนักลงทุนเชื่อมั่นในผลประกอบการของบริษัทฯ

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR เปิดเผยว่า คาดว่าจะได้สัญญางานประมูลล๊อตใหม่จากงานผลิตถุงยางอนามัยจากองค์กรระหว่างประเทศโดยมีสัญญาระยะยาว ประมาณ 2-4 ปี โดยเริ่มในปี 2561

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านสะดวกซื้อชั้นนำรายหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีการสั่งผลิตถุงยางอนามัยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ส่วนแผนทำตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ ONETOUCH นั้น บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 35% ภายในปี 2563 จากสิ้นปี 2559 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 20% โดยอยู่ระหว่างการวางแผนเตรียม Repositioning Brand พร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดในเชิงรุกเพื่อเพิ่มยอดขายและผลักดันแบรนด์ ONETOUCH เป็นผู้นำตลาดถุงยางอนามัยในประเทศไทย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินภาพรวมยอดขายในปีนี้จะยังเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ได้มีการส่งมอบถุงยางอนามัยจากงานประมูลในจำนวนที่มากกว่าครึ่งปีแรกให้แก่องค์กร USAID ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมยอดขายของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 คาดว่ายอดขายจะทรงตัวหรือใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี มีอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยเกือบเต็ม 100% ของกำลังการผลิตจริง ซึ่งมาจากการผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบออเดอร์ที่ได้จากงานประมูลให้แก่ USAID

“แม้เราต้องประสบกับภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้นโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ แต่เชื่อว่าจะสามารถผลักดันยอดขายรวมในปีนี้ให้เติบโตกว่าปีก่อน โดยเราพยายามรุกขยายตลาดในทุกช่องทาง ทั้งธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ธุรกิจงานประมูล และธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCH พร้อมทั้งมองโอกาสในการขยายตลาดใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบัน TNR ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำและความพร้อมในเรื่องเงินทุน” นายอมร กล่าว

Back to top button