
PTTEP บวก 1.28% สวนตลาดฯ นิวไฮในรอบกว่า 2 ปี โบรกฯชี้กำไร Q4/60 โตแตะหมื่นลบ.
PTTEP บวก 1.28% สวนตลาดฯ นิวไฮในรอบกว่า 2 ปี โบรกฯชี้กำไร Q4/60 โตแตะหมื่นลบ. โดยล่าสุด ณ เวลา 15.25 น. ราคาอยู่ที่ 119 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 1.28% สูงสุดที่ 120.50 บาท ต่ำสุดที่ 118.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 1.49 พันลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ล่าสุด ณ เวลา 15.25 น. ราคาอยู่ที่ 119 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 1.28% สูงสุดที่ 120.50 บาท ต่ำสุดที่ 118.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 1.49 พันลบ. ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.12%
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 2 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดอยู่ที่ระดับ 120 บาท เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2558
ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ม.ค.61) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 125 บาท/หุ้น โดยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4 ของบริษัทจะอยู่ที่ 10,604 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติราว 8,804 ล้านบาท และกำไรพิเศษจากผลของค่าเงินที่แข็งค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนมาจาก คาดปริมาณการขายจะอยู่ราว 300 KBOED เพิ่มขึ้น 0.6% จากไตรมาสก่อน
รวมถึงราคาขายเฉลี่ยที่ 42.5 เหรียญสหรัฐต่อboe ตามราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวขึ้นมาในช่วงปลายปีที่เฉลี่ย 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อีกทั้งประเมิน Unit Cost ที่ 31.4 เหรียญสหรัฐต่อboe จาก G&A ที่ปรับขึ้นซึ่งเป็นปกติของฤดูกาล
โดยราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ระดับ 66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้สถานการณ์น้ำมันปรับขึ้นมาในครั้งนี้ คือ ล่าสุดสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) ได้ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังปรับตัวลดลง 5.12 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 3.58 ล้านบาร์เรลเท่านั้น
อีกทั้ง รัฐบาลของทรัมป์ ได้ตัดสินใจเพิกถอนแผนในการขยายการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติบริเวณนอกชายฝั่งของรัฐฟลอริดา หลังจากได้รับแรงกดดันจากผู้ว่าการรัฐฟลอริดา นาย Rick Scot รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในประเทศอิหร่าน จากเหตุการณ์ของกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ พร้อมทั้ง การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นได้ปรับประมาณการปี 2561 โดยสมมติฐานราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ได้กำไรสุทธิในปี 2561 ที่ 40,318 ล้านบาท จากเดิม 38,750 ล้านบาท โดยยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 125 บาท บนสมมติฐานราคาน้ำมันใหม่