สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 พ.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด และได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงติดต่อกันเป็นวันที่ 9 เมื่อคืนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,191.22 จุด เพิ่มขึ้น 10.92 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,806.83 จุด ลดลง 7.06 จุด หรือ -0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,530.88 จุด ลดลง 39.87 จุด หรือ -0.53%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงธนาคารโซซิเอเต เจเนราล (ซอคเจน) นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ยังช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 367.08 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,140.68 จุด เพิ่มขึ้น 23.40 จุด หรือ +0.33% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,527.32 จุด ลดลง 51.78 จุด หรือ -0.45% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,131.45 จุด ลดลง 6.49 จุด หรือ -0.13%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ยังช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้นด้วย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,140.68 จุด เพิ่มขึ้น 23.40 จุด หรือ +0.33%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 9 เมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงสหรัฐ รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมระหว่างสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรของกลุ่มโอเปกในช่วงสุดสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.00 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 60.67ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 70.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,225.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 14.6 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 14.423 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.97% ปิดที่ 870.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 4.60 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,116.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.98 เยน จากระดับ 113.34 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0068 ฟรังก์ จากระดับ 1.0003 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3182 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3099 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1356 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1454 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3049 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3146 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7249 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7285 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button