สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 19 พ.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 400 จุดเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นแอปเปิล และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นที่เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่า สหรัฐจะไม่เปลี่ยนแปลงมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,017.44 จุด ร่วงลง 395.78 จุด หรือ -1.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,690.73 จุด ลดลง 45.54 จุด หรือ -1.66% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,028.48 จุด ลดลง 219.40 จุด หรือ -3.03%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นเรโนลท์ เอสเอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศส ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากนายคาร์ลอส โกสน์ ประธานบริษัทนิสสัน มอเตอร์ และประธานบริหารของบริษัทเรโนลท์ ได้ถูกจับกุมตัวฐานทำผิดกฎหมายการเงินของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 355.11 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.ปีนี้

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,244.54 จุด ลดลง 96.46 จุด หรือ -0.85% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,985.45 จุด ลดลง 39.74 จุด หรือ -0.79% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,000.89 จุด ลดลง 12.99 จุด, -0.19%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลง ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าของการเจรจาเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,000.89 จุด ลดลง 12.99 จุด หรือ -0.19%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ออกมาสนับสนุนรัฐบาลฝรั่งเศสที่ตัดสินใจคว่ำบาตรอิหร่าน โดยเชื่อว่าอิหร่านเกี่ยวข้องกับแผนการโจมตีกรุงปารีส

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 56.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือเกือบ 0.05% ปิดที่ 66.79 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ช่วยหนุนแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1,225.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2560

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.1 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 14.403 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 11.00 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 857.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 13.30 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1141.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.54 เยน จากระดับ 112.84 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9936 ฟรังก์ จากระดับ 0.9997 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3179 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3164 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1454 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1412 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าสู่ระดับ 1.2855 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2830 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7289 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7330 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button