สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 20 พ.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 6% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นแอปเปิลที่ทรุดตัวลงเกือบ 5% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ 3 รุ่น ขณะที่ผลประกอบการอันย่ำแย่ของบริษัททาร์เก็ต และโคห์ล คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,465.64 จุด ร่วงลง 551.80 จุด หรือ -2.21% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,908.82 จุด ลดลง 119.65 จุด หรือ -1.70% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,641.89 จุด ลดลง 48.84 จุด หรือ -1.82%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดิ่งลง หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบพฤติกรรมการทุ่มตลาดของบริษัทซัมซุง, เอสเค ไฮนิกซ์ และไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตเมมโมรี ชิป

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 351.41 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,947.92 จุด ลดลง 52.97 จุด หรือ -0.76% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,924.89 จุด ลดลง 60.56 จุด หรือ -1.21%  ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,066.41 จุด ลดลง 178.13 จุด หรือ -1.58%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,947.92 จุด ลดลง 52.97 จุด หรือ -0.76%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และเทขายสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ และยังส่งสัญญาณว่าสหรัฐอาจจะไม่ใช้มาตรการลงโทษซาอุดีอาระเบีย ในกรณีการฆาตกรรมนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนหน้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 6.6% ปิดที่ 53.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2560 ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนธ.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วเมื่อวานนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 4.26 ดอลลาร์ หรือ 6.4% ปิดที่ 62.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนจำนวนหนึ่งยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 4.1 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,221.2   ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13.4 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 14.269 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 10.6 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 847.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 15.20 หรือ 1.3% ปิดที่ 1126.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์,ยูโร และสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินปอนด์และยูโร ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค.

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2784 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2855 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1367 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1454 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7218 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7289 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.72 เยน จากระดับ 112.54 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ  0.9949 ฟรังก์ จากระดับ 0.9936 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3314 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3179 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button