ASAP วิ่งฉิว 7% โบรกฯแนะ “ซื้อ” เคาะเป้า 4.50 บ. คาดรายได้เติบโตสูง

ASAP บวก 6% โบรกฯแนะ "ซื้อ" เคาะเป้า 4.50 บ. คาดรายได้ยังเติบโตสูง โดย ณ เวลา 15.49 น. อยู่ที่ 4.06 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 6.84% สูงสุดที่ 4.08 บาท ต่ำสุดที่ 3.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 50.43 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ล่าสุด ณ เวลา 15.49 น. อยู่ที่ 4.06 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 6.84% สูงสุดที่ 4.08 บาท ต่ำสุดที่ 3.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 50.43 ล้านบาท

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส  ระบุในบทวิเคราะห์ (21 พ.ย.) แนะนำ “ซื้อ” ASAP ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท/หุ้น โดยปรับลดราคาเหมาะสมปี 2562 มาที่ 4.50 บาท (เดิม 7.50 บาท) แต่ปรับคำแนะนำจาก ขาย เป็น ซื้อ ราคาหุ้นลงมารับข่าวกำไรไตรมาส 3/61 ที่ผิดหวัง เราคาดว่ารายได้ยังเติบโตได้สูงตามแผนธุรกิจเนื่องจากเป้าหมายการเพิ่มจำนวนรถให้เช่าเป็น 2 หมื่นคันในปี 2562 จาก 1.6 หมื่นคันในปัจจุบันและเร็วกว่าแผนเดิมที่คาดว่าจะขยายได้ตามจำนวนในปี 2563

โดยคาดว่าธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น และ ASAP Go จะเป็น Upside ให้กับประมาณการในระยะต่อไป ตามการท่องเที่ยวในประเทศ และความนิยมของ Car Sharing สำหรับ ASAP Auto Park ปัจจุบันเปิดให้บริการเพียง 40% ของพื้นที่เช่าทั้งหมดที่มีอยู่ราว 2 พันตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ในราว มี.ค. 2562 เราคาดว่ากำไรจะชะลอตัวลงในปีนี้ และจะค่อยๆฟื้นตัวจากธุรกิจใหม่ในปี 2562 และก้าวกระโดดในปี 2563

ทั้งนี้ การประชุมกับผู้บริหารเมื่อวานนี้ ผู้บริหารระบุว่าแนวโน้มค่าใช้จ่ายทั้งจากการให้บริการ (เบี้ยประกันภัย ค่าซ่อม และค่าเสื่อม) และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะกดดันกำไรถึงปี 2020 ทั้งนี้แม้ว่ารายได้จะเติบโตได้อย่างที่คาดหวัง การจัดการที่สำคัญในระยะต่อไปคือต้องคุมค่าใช้จ่ายให้ดีขึ้น ผู้บริหารให้เป้าหมายทางการเงินในปี 2019

โดยคาดว่าจะมีจำนวนรถยนต์ให้เช่าอยู่ที่ราว 2 หมื่นคัน ซึ่งเร็วกว่าที่บริษัทเคยตั้งเป้าหมายว่าจะเกิดขึ้นในปี 2563 ปัจจุบันบริษัทมีรถยนต์ที่อยู่ในกองรถ 1.6 หมื่นคัน ในจำนวนนี้ 1.4 หมื่นคันเป็นรถยนต์ให้เช่าระยะยาว ซึ่งเป็นการซื้อรถใหม่ราว 4-5 พันคัน

ขณะที่คาดว่าธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น และ ASAP Go จะเป็น Upside ให้กับประมาณการในระยะต่อไป ทั้งสองธุรกิจจะเติบโตตามการท่องเที่ยวในประเทศ และความนิยมของ Car Sharing สำหรับ ASAP Auto Park ปัจจุบันเปิดให้บริการเพียง 40% ของพื้นที่เช่าทั้งหมดที่มีอยู่ราว 2 พันตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ในราว มี.ค. 2562

อย่างไรก็ดี ปรับลดประมาณการกำไรปี 2561 และปี 2562 ลง 24% และ 40% ตามลำดับ โดยคาดการณ์กำไรปี 2561 ที่ 120 ลบ. ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และปี 2562 ที่ 130 ลบ. เพิ่มขึ้น 8.56% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เพื่อสะท้อนรายได้จาก Auto Park ที่น่าผิดหวังใน 9 เดือนแรก 2561 และค่าใช้จ่ายจากต้นทุนการให้บริการ การบริหาร และต้นทุนการเงินที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 3/61 ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะกดดันกำไรต่อไปในปี 2562 เนื่องจากการขยายตัวของกองรถที่เร่งตัวขึ้น (ยอดซื้อรถปี 2561 อยู่ที่ราว 6 พันคัน และปี 2562 ที่ 4 พันคัน ซึ่งสูงกว่าการซื้อรถในปี 2556-2560 ที่เติบโตราว 3-4 พันคันต่อปี) ทำให้ Gross margin จะทรงตัวที่ 20% ในปี 2561-2562

ส่วนในปี 2563 คาดว่าน่าจะเห็นจุดเปลี่ยนของกำไรครั้งสำคัญเนื่องจากมีรถยนต์ที่หมดอายุสัญญาเช่าราว 3 พันคัน (จาก 1-1.5 พันคันในปี 2017-2019) ซึ่งหากอิงจากราคาขายรถยนต์ที่ใกล้เคียงกับปี 2561 และ Gross margin ที่ราว 10% (หาก ASAP นำมาขายเองในสัดส่วนที่สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน Gross margin จะมี Upside) เราคาดว่ากำไรขั้นต้นของธุรกิจการขายรถหมดสัญญาจะเติบโตราว 264% จากปี 2561 และรายได้จากการขายรถหมดสัญญาจะเป็น 26% ของรายได้รวมจาก 12-14% ในปี 2561-2562

โดยประเมินราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 4.50 บาท (เดิม 7.50 บาท) อิง PER 25 เท่า ซึ่งเท่ากับ EPS Growth ในปี 2563-2566 คาดว่าจะเติบโตราว 23-25% ต่อปี (ปี 2563 คาดกำไรโต 42%) ราคาหุ้นลงมารับข่าวกำไรไตรมาส 3/61 ที่ผิดหวัง แต่คาดว่ารายได้ยังเติบโตได้สูงตามแผนธุรกิจ ส่วนการควบคุมค่าใช้จ่าย ผู้บริหารกำลังเข้มงวดมากขึ้น น่าจะเห็นผลไม่ช้าเกินไป จึงปรับคำแนะนำจาก “ขายทำกำไร” (คำแนะนำหลังประกาศผลประกอบการ) เป็น “ซื้อ”

Back to top button