สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 17 ธ.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังจากอัยการมาเลเซียสั่งฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อโกลด์แมน แซคส์ในข้อหาคอร์รัปชั่นและฟอกเงินในกองทุน 1MDB รวมทั้งการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ หลังจากศาลสหรัฐระบุว่า กฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลบารัค โอบามา หรือ “โอบามาแคร์” ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,592.98 จุด ร่วงลง 507.53 จุด หรือ -2.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,545.94 จุด ลดลง 54.01 จุด หรือ -2.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,753.73 จุด ลดลง 156.93 จุด หรือ -2.27%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากบริษัท ASOS ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าออนไลน์รายใหญ่ของยุโรป ได้ปรับลคาดการณ์ยอดขายและกำไร ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดขายของบริษัทค้าปลีกรายอื่นๆ ในขณะที่เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 343.26 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,773.24 จุด ลดลง 71.93 จุด หรือ -1.05% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,799.87 จุด ลดลง 53.82 จุด หรือ -1.11% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,772.20 จุด ลดลง 93.57 จุด หรือ -0.86%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากหลังจากบริษัท ASOS ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าออนไลน์รายใหญ่ของยุโรป ได้ปรับลคาดการณ์ยอดขายและกำไร

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,773.24 จุด ลดลง 71.93 จุด หรือ -1.05%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณสต็อกน้ำมันในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้นอาจส่งผลให้ความต้องการน้ำมันซบเซาลงด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 49.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2560

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 59.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.ปีนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,251.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 12.20 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 14.759 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 10.60 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 795.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1182.00  ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ พร้อมกับจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศจัดการลงมติในรัฐสภาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ในช่วงกลางเดือนม.ค.ปีหน้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.75 เยน จากระดับ 113.29 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9925 ฟรังก์ จากระดับ 0.9977 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3408 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3374 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1350 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1303 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2629 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2579 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7177 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7178 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button