หุ้นเอเชียแดงยกแผง-ดาวโจนส์ร่วง 200 จุด หวั่นเกิดชัตดาวน์รอบ 2 หลังเจรจาคองเกรสไม่คืบ!

ตลาดหุ้นเอเชียแดงยกแผง-ดาวโจนส์ร่วง 200 จุด หวั่นเกิดชัตดาวน์รอบ 2 หลังเจรจาคองเกรสไม่คืบ!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืน โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้นำสภาคองเกรสในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,555.44 จุด ลดลง 93.56 จุด, -0.45% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,592.35 จุด ลดลง 4.63 จุด, -0.18% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,397.54 จุด ลดลง 179.42 จุด, -0.65% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,944.71 จุด ลดลง 68.62 จุด, -0.69% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,172.83 จุด ลดลง 4.47 จุด, -0.21% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,191.86 จุด ลดลง 7.64 จุด, -0.24% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,694.71 จุด ลดลง 2.79 จุด, -0.16%

ทั้งนี้นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ภาวะชัตดาวน์อาจเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่เชื่อมั่นว่าสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่เขาต้องการ ขณะเดียวกันทรัมป์กล่าวว่า เขาคิดว่ามีโอกาสน้อยกว่า 50% ที่สภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก่อนที่งบประมาณสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.พ.

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในสัปดาห์นี้ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางถึงสหรัฐในวันที่ 30-31 ม.ค.เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐ และคาดหวังที่จะยุติข้อพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลานานหลายเดือน

ด้าน นายหลิว เหอ จะเจรจากับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ พร้อมด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ประเด็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองจากจีน ไปจนถึงการที่รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนบริษัทของรัฐบาล โดยหวังที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

 

 

 

 

 

 

Back to top button