ITEL ส่งซิกผลงานไตรมาส 4 โตสนั่น หลังตุนแบ็กล็อก 4.7 พันลบ.-รับรู้รายได้งานภาครัฐ-เอกชน

ITEL ส่งซิกผลงานไตรมาส 4 โตสนั่น หลังตุนแบ็กล็อก 4.7 พันลบ.-รับรู้รายได้งานภาครัฐ-เอกชน


บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/62 เติบโตโดดเด่น เตรียมรับรู้รายได้จากการทยอยลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกโครงการมีความจำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯ ในอนาคต

รวมถึงงานภาคเอกชนบางส่วน ที่อยู่ระหว่างศึกษาโครงการที่จะเปิดโอกาสให้มีการยื่นเสนองานในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าการในมือ (Backlog) อยู่ที่ 4,681 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้กว่า 300 ล้านบาทภายในปีนี้

ด้านนายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.2562) บริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,796.52 ล้านบาท โดยมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายอยู่ที่ 632.45 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายอยู่ที่ 1,077.20 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ มีรายได้จำนวน 51.79 ล้านบาท รายได้ค่าบริการอื่น 20.62 ล้านบาท รวมถึงรายได้อื่นๆ 14.46 ล้านบาท

ทั้งนี้ มั่นใจทุกธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องผลักดันรายได้ปี 2562 โตตามเป้าที่ระดับ 2,100 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,611.36 ล้านบาท หลังบริษัทมีงานเพิ่มขึ้นและมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากการให้บริการโครงข่ายและบริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ร้อยละ 40 ส่วนที่เหลือเป็นบริการติดตั้งโครงข่ายที่ร้อยละ 60

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 ถือเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตได้ดี โดยบริษัทมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงอยู่ที่ 214.04 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.51 ของรายได้รวม เทียบกับไตรมาส 3/2561 ที่มีรายได้ 164.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.75 % เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 75 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อไปยังลูกค้า

ขณะเดียวกันโครงข่ายของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจด้วยคุณภาพของการให้บริการ จึงทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายอยู่ที่ 505.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67.38 ของรายได้รวม เทียบกับไตรมาส 3/2561 ที่มีรายได้ 229.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.71% แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคมให้แก่ลูกค้าจำนวน 503.19 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายลูกค้าเข้ากับโครงข่ายของบริษัทจำนวน 2.64 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ มีรายได้จำนวน 26.28 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.50 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 19.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการ Cloud Service เพิ่มขึ้นมาด้วย ปัจจุบันอัตราการเข้าใช้งานดาต้า เซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95

ในปีนี้บริษัทฯ รับรู้รายได้โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) จำนวน 715.77 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมดและเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการให้บริการต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 เป็นต้นไป พร้อมลุยประมูลโครงการ Tele Health ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายโครงการเน็ทประชารัฐ บริษัทฯ ประเมินว่าทิศทางธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมจะได้รับอานิสงส์แบบจัดเต็ม โดยเฉพาะงานวางโครงข่ายจะเติบโตต่อเนื่องเพื่อขานรับนโยบายของภาครัฐ หนุนผลงานปีนี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งบริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมเข้าประมูลโครงการใหม่ ๆ อย่างเต็มที่

อีกทั้งในโครงการที่เชื่อมโยงกับการวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยี 5G ซึ่งเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เตรียมกำหนดกรอบระยะเวลาการเปิดประมูล และคาดว่าไม่เกินไตรมาสที่ 1/ 2563 จะเริ่มมีความชัดเจน ด้วยศักยภาพและเสถียรภาพของโครงข่าย บริษัทฯ จะได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี รายได้ต่อปีจะต้องเติบโตเฉลี่ยประมาณปีละ 20% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิต้องการจะเติบโตให้ได้ 20% ภายในปี 2565 โดยมาจาก 3 ธุรกิจหลักประกอบด้วย

1.งานบริการโครงข่ายวงจรสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงหรือดาต้า เซอร์วิส เติบโตเฉลี่ยต่อปี 40% ตั้งเป้าหมายรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวม ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ปั๊มน้ำมัน ผู้ให้บริการมือถือ โรงพยาบาล ร้านอาหาร กลุ่มงานภาครัฐ ฯลฯ โดยในปีนี้มุ่งขยายฐานเพิ่มด้วยบริการแบบครบวงจร พร้อมแนวคิดการดูแลลูกค้าลักษณะ Customization

2.ธุรกิจการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์มีสัดส่วน 10% ของรายได้ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำในการสร้างและให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ จึงมีอัตราเติบโตเร็วถึงปีละ 30 – 40% ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์อยู่ 2 แห่ง ซึ่งแห่งแรกมีพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้น 369 แร็ค ซึ่งได้ให้บริการเต็มพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแห่งที่ 2 มีจำนวนมากว่า 1,000 แร็ค คาดว่าภายในสิ้นปี 2562 จะมีผู้ใช้บริการ 50-60% ส่วนแผนปี 2563 บริษัทจะให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ ที่เหลืออีก 30% โดยโฟกัสกลุ่มธนาคารและหน่วยงานภาครัฐ

และ 3. ธุรกิจการให้บริการติดตั้งโครงข่ายคมนาคม สัดส่วน 20-30% ของรายได้ มีแนวโน้มเติบโตไปตามการลงทุนโครงข่ายเพื่อรองรับเทคโนโลยี 5G ซึ่งยังอยู่ในกระแสที่ผู้ให้บริการมือถือ หรือโอเปอเรเตอร์ เทงบลงทุนอย่างคึกคัก โดย ITEL เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่ติดตั้งโครงข่าย ให้กับทรู และ เอไอเอส ทำให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น

Back to top button