CWT ปักธงรายได้ปี 63 โตแตะ 3 พันลบ. รับออเดอร์มินิบัสมูลค่า 748 ลบ. จ่อรับรู้ไตรมาส 2/63

CWT ปักธงรายได้ปี 63 โตแตะ 3 พันลบ. รับออเดอร์มินิบัสมูลค่า 748 ลบ. จ่อรับรู้ไตรมาส 2/63


นายวีระพล ไชยธีรัตต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นประเมินรายได้รวมจะเติบโตที่ระดับ 3,000 ล้านบาท จากปี 2562 ที่คาดว่ารายได้รวมน่าจะอยู่ที่ระดับเกือบ 2,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 1,559.25 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 82.75 ล้านบาท

โดยสัดส่วนรายได้จะมาจาก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจหนัง (ธุรกิจเดิม) 2.ธุรกิจพลังงาน รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท และ 3.ธุรกิจยานพาหนะสมัยใหม่ (ธุรกิจของ Sakun C ซึ่ง CWT ถือหุ้นในบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด ในสัดส่วน 50.01% การรับรู้รายได้จะเข้ามาในบัญชีเต็ม 100% แต่กำไรสุทธิจะรับรู้ตามสัดส่วนการถือหุ้น) ประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการต่อรถประมาณ 800 ล้านบาท และรายได้จากการต่อเรือประมาณ 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2563 รายได้จากธุรกิจหนังและธุรกิจพลังงานยังคงทรงตัว แต่ธุรกิจยานพาหนะสมัยใหม่ ทั้งเรือและรถของ Sakun C จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2562 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณกว่า 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันธุรกิจยานพาหนะสมัยใหม่ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีมาร์จิ้นดีสุดของพอร์ต เพราะบริษัทเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เอง

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัทมียอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) รถ Aluminum Bus แล้วจำนวน 374 คัน มูลค่ารวมประมาณ 748 ล้านบาท (ราคาขายเฉลี่ยคันละ 2 ล้านบาท) จะเริ่มส่งมอบในไตรมาส 1/63 และจะรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป และมั่นใจจะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นในปีถัดไป จากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น

“ปัจจุบันมีรถตู้ที่ต้องเปลี่ยนมาใช้รถ Aluminum Bus ตามเกณฑ์ใหม่ในตลาดรถรวมประมาณ 16,000 คัน โดยบริษัทหวังได้ส่วนแบ่งทางการตลาด (แชร์) เพียง 30% หรือประมาณ 5,000 คัน ซึ่งจะทยอยเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีจากนี้ บริษัทจะเน้นรับงานจากภาคเอกชนเป็นหลัก สำหรับกฎบังคับรถตู้ที่ใช้วิ่งเกิน 300 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนมาใช้รถ Aluminum Bus ทั้งหมด” นายวีระพล กล่าว

นายวีระพล กล่าวอีกว่า CWT เป็นผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการส่งเสริมลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยสาร (BOI EV BUS) ซึ่งในอนาคตเทรนด์รถยนต์โดยสารไฟฟ้าที่กำลังมา จะทำให้คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมากขึ้น และ CWT จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารไฟฟ้า เพื่อส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น

ส่วนธุรกิจพลังงานในปี 2563 บริษัทคาดว่าได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement : PPA) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์ (ขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ต่อโรง) ซึ่งจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 18 เดือน (ประมาณ 1 ปีครึ่ง)

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจในธุรกิจลีสซิ่ง (เช่าซื้อรถมือ 2) จะเป็นการปล่อยเช่าระยะยาว ซึ่งเป็นธุรกิจบริการที่บริษัทสามารถทำได้เอง เพื่อต่อยอดธุรกิจที่มี

Back to top button