CWT โชว์แบ็กล็อกกว่าพันลบ. พร้อมตั้งเป้าปีนี้ขยายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 40MW

CWT โชว์แบ็กล็อกกว่าพันลบ. พร้อมตั้งเป้าปีนี้ขยายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 40MW


บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับปี  2562 งวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31ธันวาคม 2562 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการรวมจำนวน 2,009.38 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้จากการขายและบริการรวมจำนวน 1,955.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 53.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.75

โดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ซึ่งปัจจุบันแบ่งโครงสร้างการดำเนินธุรกิจเป็น 3 ประเภทหลักคือ ธุรกิจหนังและเบาะหนัง  อันเป็นธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท ที่ยังคงสร้างรายได้ได้อย่างมั่นคงและสูงสุดเมื่อเทียบกับธุรกิจกลุ่มอื่น ปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการในกลุ่มนี้จำนวน 1,514.55 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิจำนวน 116.62 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21.19 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องด้วยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและโอนกลับผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อย ดันให้กำไรเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าพอใจ

ด้านธุรกิจใหม่ที่บริษัทเข้าไปลงทุนผ่านบริษัทย่อย (ถือหุ้น 100%) คือ ธุรกิจด้านพลังงาน บริษัทเข้าลงทุนและรับรู้รายได้ครั้งแรกในไตรมาสที่ 1/2561 ซึ่งโครงการดำเนินการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่นั้นมา ส่งผลให้ปี 2562 บริษัทรับรู้รายได้จำนวน 343.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่รับรู้รายได้จำนวน 247.43 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมลงทุนใน บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด หรือ SakunC (CWT ถือหุ้น 50.01%) เพื่อดำเนินธุรกิจออกแบบและจัดจำหน่ายเรือและรถโดยสารขนาดเล็กที่ผลิตด้วยอลูมิเนียม โดยปี 2562 ที่ผ่านมามีรายได้จำนวน 119.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีรายได้จำนวน 20.89 ล้านบาท

โดยนายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ CWT เปิดเผยว่า ในปี 2563 จะเป็นปีที่ผลงานในทุกธุรกิจของ CWT ปรากฏสู่สายตานักลงทุน หลังจากที่เราศึกษา ลงทุน ลงแรงทำกันมาอย่างเต็มที่ อย่าง SakunC ที่เข้าไปร่วมลงทุน ก็เตรียมส่งมอบรถและเรืออะลูมิเนียมอย่างต่อเนื่องในปีนี้  CWT มี backlog อยู่ในมือกว่าพันล้านบาทที่จะทยอยส่งมอบตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 1/63

ด้านธุรกิจพลังงาน ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 40 เมกกะวัตน์ภายในปี ซึ่งเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท กรีน พาวเวอร์ 1 จำกัด (บริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% ) ก็ได้เข้าร่วมเสนองาน ในโครงการบริหารจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนให้แก่เทศบาลนครนครสวรรค์ (อายุสัญญาโครงการ 25 ปี)  ซึ่งบริษัทได้รับคะแนนรวมสูงสุดด้านเทคนิคและคุณสมบัติ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเจรจาต่อรองราคาร่วมกับเทศบาลฯ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลผู้ชนะอย่างเป็นทางการภายในเดือนมีนาคมนี้

โดยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าบริหารจัดการโครงการ แน่นอนว่าหากบริษัทฯได้รับงานโครงการบริหารจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสและต่อยอดสู่งานบริหารจัดการโรงไฟฟ้าขยะโครงการอื่นๆในอนาคต ทั้งนี้บริษัทฯจะใช้ความระมัดระวังและตั้งใจอย่างเต็มที่ในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศกำลังมีวิกฤตทางเศรษฐกิจจากหลายปัจจัย โดยจะคำนึงถึงผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนของบริษัทและประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลักสำคัญ

Back to top button