“สธ.” กำหนดมาตรการเข้ม รองรับ “Travel Bubble” พร้อมชงเข้า “ศบค.” ชุดใหญ่ 29 มิ.ย.นี้!

“กระทรวงสาธารณสุข” กำหนดมาตรการเข้ม รองรับ “Travel Bubble” สกัด "โควิด" ตั้งแต่ต้นทาง-ปลายทาง พร้อมชงเข้า “ศบค.” ชุดใหญ่ 29 มิ.ย.นี้!


นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประมวลสถานการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สธ.จะจัดทำข้อเสนอต่างๆ ในการเปิดการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะรูปแบบ Travel Bubble เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ แต่สุดท้ายเป็นเรื่องที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่จะพิจารณาในวันที่ 29 มิ.ย.นี้

“ประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมา 31 วันแล้ว และการที่จะทำให้ในประเทศเป็น 0 ไปเรื่อยๆ มันมีต้นทุนคือความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมที่เราต้องยอมรับ แต่ในทางกลับกันถ้าเราปล่อยให้มีผู้ป่วยโควิดมากเกินไปจนระบบของประเทศรองรับไม่ได้ ตอนนั้นจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน แต่ก็มีจุดที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ยอมให้มีคนไข้ในประเทศจำนวนหนึ่งที่สามารถจัดการได้ และขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็เดินไปได้ด้วย ต้องทำความสมดุลให้เกิดขึ้นให้ได้” นพ.ศุภกิจ กล่าว

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยจากประเทศที่จะจับคู่ Travel Bubble พบว่า จีน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย 27.6% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 28.1% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด มาเลเซีย 10.5% สร้างรายได้ 5.5% ญี่ปุ่น 4.5% สร้างรายได้ 4.6%

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า การทำ Travel Bubble ระยะต้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ไม่ใช่การเปิดให้เดินทางโดยเสรี โดยจะต้องคำนึงถึงหลักการต่างๆ เช่น ดูจาก Country Risk (เสี่ยงต่ำ, ปานกลาง, สูง) เจรจากับประเทศเสี่ยงต่ำเป็นคู่ๆไป, Personal Risk กำหนดกลุ่มบุคคลที่ให้เข้ามาในแต่ละระยะ, Activity Risk กำหนดแผนการดำเนินกิจกรรมในประเทศ

นอกจากนี้ต้องมีมาตรการ (ขั้นตอน) ต่างๆ ตั้งแต่ต้นทาง เดินทาง มาถึง ที่พัก ระหว่างอยู่ในประเทศไทย

กรณีต้นทางจะต้องมีการตรวจคัดกรอง โควิด-19 โดยกำหนดระยะเวลาบางประเทศ 48 ชม. แต่ของไทยกำหนดไว้ 72 ชม. มีการประกันที่ครอบคลุม การตรวจรักษาโควิด-19, Travel Certificate/visa ออกโดยสถานทูตไทยที่อธิบายถึงมาตรการในการป้องกันโรคของประเทศไทย ผู้เดินทางควรอาศัยอยู่ในประเทศกลุ่ม Travel Bubble ไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย

กรณีระหว่างเดินทาง ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ลด/หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้โดยสารด้วยกัน ลูกเรือ-ผู้โดยสาร มีระยะห่าง แยกโซนผู้โดยสารที่มีอาการ มีชุด PPE สำหรับลูกเรือ

กรณีมาถึง แยกสนามบินชัดเจน แยกโซนในสนามบิน แยกโซนในอาคารระหว่างประเทศกลุ่ม Green/Yellow/Red ขณะที่ผู้เดินทางเข้าทุกคนต้องมี Application ติดตาม การเดินทาง เดินทางด้วยรถของโรงแรมเท่านั้น ห้ามใช้รถขนส่งสาธารณะ

ในส่วนของที่พัก เข้าพักได้เฉพาะโรงแรมที่ระบุ หรือที่พักที่กำหนดเท่านั้น จัดชั้นที่พักแยกเฉพาะสำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ จัดทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชน/โรงพยาบาลรัฐ ผู้เดินทางทุกคนต้องอยู่ในห้องพักจนกว่าผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 จะออก หากผลเป็น Negative ก็สามารถ Check out เพื่อเดินทางต่อได้

และระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย มีระบบติดตามตัว มีการบังคับใช้ จับกุม ปรับ เนรเทศหากผู้เดินทางไม่รับโทรศัพท์ หรือลบ Application หรือปิด 4G/GPS/Bluetooth/โทรศัพท์ ซึ่งจะมี Contact Center หลายช่องทาง หลายภาษา

“ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป ประเทศที่จับคู่ด้วยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน ในระยะสั้นส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางไปตามคำเชิญ ธุรกิจ ถ้าคนไทยจะไปก็ต้องทำตามกฎกติกาอย่างเคร่งครัด…กรณีคนต่างชาติในประเทศที่จับคู่ Bubble กับไทยถ้าเป็นกลุ่มบุคคลเฉพาะที่กำหนดไว้เป็นกรณ๊พิเศษไม่ต้องถูกกักตัว 14 วัน”นพ.ศุภกิจ กล่าว

Back to top button