ผู้ตรวจการฯ ตีตกคำร้อง “ศรีสุวรรณ” ปมรัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.ก.BSF แก้วิกฤต ”โควิด”

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตีตกคำร้อง “ศรีสุวรรณ” ไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ปมรัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.ก.BSF แก้วิกฤต ”โควิด” ชี้รัฐบาลมีอำนาจ ออก พ.ร.ก.ในสถานการณ์จำเป็นเร่งด่วน


ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติไม่ส่งเรื่องของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 25 พ.ค.63 ขอให้เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยกรณี พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 (พ.ร.ก.BSF) และมาตรา 20 ของ พ.ร.ก.ดังกล่าว ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 172 ประกอบมาตรา 140

โดยผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามมาตรา 172 วรรคหนึ่งและวรรคสองของรัฐธรรมนูญฯ คณะรัฐมนตรีสามารถตรา พ.ร.ก.ได้ในกรณีที่เห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในอันรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ

ประกอบกับที่ผ่านมาได้เกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดอย่างฉับพลัน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย เป็นผลให้ผู้ประกอบการซึ่งระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างกะทันหัน และมีแนวโน้มที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ อันเป็นความเสี่ยงเชิงระบบที่กระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหากไม่เร่งรีบดำเนินการป้องกันและวางแนวทางแก้ไขไว้ก่อนย่อมจะก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง เนื่องจากกระบวนการตราพระราชบัญญัติก็ไม่อาจตอบสนองต่อวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที

ดังนั้น การที่คณะรัฐมนตรีตรา พ.ร.ก.ดังกล่าวก็เพื่อมิให้ปัญหาวิกฤติของตลาดตราสารหนี้ลุกลาม อันเป็นการทำหน้าที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจของรัฐในการสร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ

ส่วนที่ผู้ร้องเรียนเห็นว่ากรณีมาตรา 20 แห่ง พ.ร.ก.ดังกล่าว ขัดต่อมาตรา 140 ของรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเห็นว่ามาตรา 20 มีเจตนารมณ์ในการกำหนดกระบวนการบริหารจัดการกองทุนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่อาจทราบได้ว่าการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีกรณีที่ต้องจ่ายเงินแผ่นดินเกิดขึ้นหรือไม่ แต่หากเกิดกรณีที่ต้องชดเชยความเสียหายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการงบประมาณและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปให้สอดคล้องตามมาตรา 140

Back to top button