SALEE พุ่ง 23% คาดเก็งรับกำไร “เทิร์นอะราวด์” ดันหุ้นยืนเหนือ 1 บ.รอบ 3 เดือน

SALEE พุ่ง 23% คาดเก็งรับกำไร “เทิร์นอะราวด์” ดันหุ้นยืนเหนือ 1 บ.รอบ 3 เดือน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SALEE ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1.02 บาท บวกไป 0.19 บาท หรือขึ้นไป 22.89% มูลค่าการซื้อขาย 22.98 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นร้อนแรง พร้อมสามารถวิ่งขึ้นกลับไปยืนเหนือราคา 1 บาทได้อีกครั้ง หลังจากที่ราคาหุ้นมีการอ่อนตัวลงหลุด 1 บาทนับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา

ส่วนการปรับตัวขึ้นวันนี้ถือว่าร้อนแรงเป็นวันที่สองของวันทำการต่อจากเมื่อวานที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นปิด 0.83 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 13.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.29 ล้านบาท

ทั้งนี้จากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นบนกระดานจากเมื่อวานถึงล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปแล้ว 39.73% ประกอบกับวอลุ่มการซื้อขายเริ่มมีเข้ามาหลังจากก่อนหน้าเบาบาง

ประเด็นเบื้องต้นอาจเป็นการเข้าเก็งกำไรจากการเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 30.07 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือนแรกบริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 1.25 ล้านบาท

ขณะที่คาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 1,254.64 ล้านบาท แม้ว่างวด 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 912.90 ล้านบาท จากผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้มีข้อจำกัดในการส่งสินค้า ประกอบกับการปิดห้างสรรพสินค้าส่งผลกระทบกับยอดขายในกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าพลาสติกประเภทของใช้ในครัวเรือนอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นการส่งขายให้กับโมเดิร์นเทรดทั้งหมด

อย่างไรก็ตามคาดว่าทิศทางการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2563 เติบโตดีกว่าเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากออเดอร์ชิ้นส่วนพลาสติกของทุกกลุ่มกลับมาดีขึ้น และยังได้ประโยชน์จากเป็นสินค้าที่มีการผลิตในประเทศไทย (household product) ที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ค่อนข้างดี

นอกจากนั้น บริษัทยังได้รับประโยชน์จากการเริ่มย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้ามาในเวียดนาม ไทย และกัมพูชา ทำให้คาดว่าจะมีการคำสั่งซื้อจากผู้ประกอบการในไทยเพื่อนำชิ้นส่วนไปผลิตสินค้าเพื่อส่งออกอีกทีหนึ่ง อีกทั้งแม้ว่าในช่วงปลายปี 2563 จะเกิดโควิด-19 รอบใหม่แต่ก็ไม่มีการล็อกดาวด์ทำให้ห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดได้อยู่กำลังซื้อก็ยังเดินหน้าได้ต่อไป และมาตรการช่วยเหลือจากทางภาครัฐก็ส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นด้วย ทำให้ยอดขายฟื้นตัวขึ้นด้วย

Back to top button