“หม่อมอุ๋ย” มองมาตรการกระตุ้น SME ไม่ได้ผล แนะเร่งการลงทุนโครงการใหญ่

“หม่อมอุ๋ย” อดีตรองนายกฯ เชื่อเศรษฐกิจไทยปีนี้มีศักยภาพที่จะโตได้ถึง 3% มองมาตรการกระตุ้น SME ไม่ได้ผล แนะเร่งการใช้จ่ายลงทุนในโครงการที่สำคัญ อาธิ โครงการรถไฟทางคู่ -โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน


ม.ร.ว. ปรีดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจประเทศไทยในปีนี้ ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ถึงร้อยละ 3 แม้การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ จะติดลบถึงร้อยละ 4.8 หรือคิดเป็นสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่หายไปถึงร้อยละ 2.6 เนื่องจากการส่งออกมีสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 56 ของจีดีพี

อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 12 เติบโตเพิ่มขึ้นมาก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 2.6 ของจีดีพี ทำให้สามารถชดเชยกับรายได้จากการส่งออกที่หายไป ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ การลงทุนของภาครัฐ การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งใน 6 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตร้อยละ 2 รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งเติบโตถึงร้อยละ 4 แต่จะต้องพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ด้วย ว่าจะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวมากน้อยเพียงใด

“สิ่งที่รัฐบาลควรทำในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน คือ การเร่งการใช้จ่ายลงทุนในโครงการที่สำคัญๆ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวนั้น คาดว่าจะยังชะลอตัวต่อเนื่องไปอีกประมาณ 3 ปี รัฐบาลจำเป็นจะต้องดูแลเกษตรกรที่มีรายได้น้อยจะต้องหาวิธีไม่ให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้น แบบที่ผมเคยทำมาแล้วในโครงการอุดหนุนชาวนา 3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งชาวนามีความพอใจที่ไม่เป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การกระตุ้นเอสเอ็มอีนั้น เป็นการกระตุ้นที่ไม่มีผลอะไร เนื่องจากสิ่งที่เอสเอ็มอีต้องการในขณะนี้ไม่ใช่เงิน แต่เป็นคำสั่งซื้อ ซึ่งหายไปเพราะการส่งออกที่ลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

X
Back to top button