GGC ร่วง 11% หลังประกาศกำไร Q1/64 หดตัวกว่า 60% เหลือ 94 ลบ.

ราคาหุ้น GGC ปรับตัวลดลงเกือบ 11% ประกาศกำไร Q1/64 หดตัวกว่า 60% เหลือ 94 ลบ. หลังจากหยุดหน่วยการผลิตผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ซ่อมบำรุง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC วันที่ 10 พ.ค.2564 ณ เวลา 10.39 น. อยู่ที่ระดับ 10.90 บาท ปรับตัวลดลง 1.40 บาท หรือ 11.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70.63 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนักในวันนี้หลังจากบริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 94.24 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 60.51%

โดยผลประกอบการไตรมาสดังกล่าวลดลงเนื่องจาก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์สำหรับไตรมาส 1/2564 จำนวน 729 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 จากไตรมาส 1/2563 เนื่องจากในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ หยุดหน่วยการผลิตผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์เพื่อซ่อมบำรุงและเปลี่ยนตัวเร่งปฏิกิริยา

ขณะที่หลังจากการกลับมาเดินเครื่องการผลิต บริษัทฯ พบว่ามีปัญหา Impurity ในระบบการผลิต ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวสำเร็จแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากราคา น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 1/2564 ส่งผลให้บริษัทฯ มี Stock Gain & NRV จำนวน 86 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ รับรู้ EBITDA จำนวน 44 ล้านบาท เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เมื่อหักผลกระทบของ Stock Gain & NRV ส่งให้บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA จำนวน -42 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 51 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2563 และมี Adjusted EBITDA Margin ที่ร้อยละ -5.8

ด้าน บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 94 ล้านบาท (-55% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ,-83% จากไตรมาสก่อน) หากหักกำไรจากสต๊อกราว 67 ล้านบาท Core EBITDA อยู่ที่ 183 ล้านบาท (-28% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, -33% จากไตรมาสก่อน) ซึ่งถูกกดดันจากอัตรากำไรในทุกผลิตภัณฑ์ที่ลดลง และปริมาณขายแฟตตี้แอกอฮอล์ที่ลดลงจากการปิดซ่อม

ทั้งนี้ ธุรกิจไบโอดีเซล มีผลการดำเนินงานลดลง 34% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยกดดันปริมาณขายและอัตรากำไรให้ลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ส่วนธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ มีการปิดซ่อมจึงมีผลการดำเนินงานลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ดี คาดกำไรหลักไตรมาส 2/64 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนจากธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ และราคาปาล์มโลกที่ปรับตัวขึ้นแรง จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ที่มูลค่าพื้นฐานใหม่ 14.0 บาท (จาก 10.9 บาท) อ้างอิง 1.3 เท่า PBV ปี 64 ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยกลุ่ม

Back to top button