JWD ปิดพุ่ง 5% ฉายภาพ Q2 รายได้-กำไรโต ลุ้นรับงานขนส่ง “วัคซีนโควิด”

JWD ปิดตลาดพุ่ง 5% รับผบห.มองผลงานไตรมาส 2 รายได้และกำไรโตต่อเนื่อง เล็งรับงานขนส่งวัคซีนโควิด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (17 มิ.ย.64) ราคาหุ้น บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ปิดตลาดวันนี้ อยู่ที่ระดับ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 4.69% โดยทำจุดสูงสุดที่ 13.60 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 12.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110.94 ล้านบาท

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD เปิดเผยว่า บริษัทยังคงสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 2/2564 จะมีการเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/2564

ทั้งนี้ โดยปกติในช่วงไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวมากส่งผลให้รายได้และกำไรลดน้อยลง แต่ในปีนี้ JWD จะมีการรับรู้รายได้จากการเข้าควบรวมกิจการ (M&A) บริษัท วีเอ็นเอส ทรานสปอร์ต จำกัด (VNS) และเชื่อว่า VNS จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้บริษัทย่อยอย่าง บริษัท เจดับเบิ้ลยูดีทรานสปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด  (JTS) สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ดังนั้น JWD ไม่ได้รับผลกระทบสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่

สำหรับโครงการที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และกำไร เช่น โครงการ Barge Terminal ได้มีการดำเนินงานตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วและมีจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2564 มี 39,143 ตู้ และโครงการรถขนส่งวัคซีนที่ประเทศกัมพูชา ส่วนในประเทศไทย JWD ได้มีการพูดคุยเรื่องการขนส่งวัคซีนในประเทศไทยกับทาง บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด บ้างแล้ว

นอกจากนี้ JWD ยังได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 10% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 50% ในบริษัท EMLOG Logistics & Warehousing Pte Ltd. (ประเทศสิงคโปร์) รวมทั้งการร่วมลงทุน (JV) กับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์และอินดัสเทรียล โดยมีแผนจะขยายโครงการเพิ่มเติมอีกหลายโครงการในอนาคต ซึ่งในปี 2564 มีโครงการแล้ว 2 โครงการ มีพื้นที่ประมาณ 62,000 ตารางเมตร

ด้าน นายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JWD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่แล้ว มีรายได้อยู่ที่ 1,147.1 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตกว่าไตรมาส 1/2563 ที่ 18.7% โดยสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มโลจิสติกส์ 68.8% จากซัพพลายเชน 22.4% และจากธุรกิจอื่นๆ อีก 8.8% ทั้งนี้ JWD มองว่าการที่ธุรกิจสามารถเติบโตได้นั้นมาจากความหลากหลายในการทำธุรกิจ ประกอบกับการทำงานร่วมกับลูกค้าทั้งแบบ B2B และ B2C

ทั้งนี้ JWD ได้วางเป้าหมายในระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564 – 2568) โดยตั้งเป้ารายได้แตะที่ 10,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่า JWD จะสามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิที่ 15% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 9% โดยในปี 2564 คาดว่า JWD จะสามารถทำรายได้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท

ส่วนแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปี JWD วางแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และจะมีการดำเนินการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศกัมพูชาที่มีการเติบโตของตลาดโลจิสติกส์ค่อนข้างดี  ทาง JWD จึงย้ายพนักงานไปอยู่ที่กัมพูชาเพื่อรองรับตลาดที่มีการเติบโตค่อนข้างมาก แต่ในปี 2564 จะมีการดำเนินงานที่ค่อนข้างล่าช้าเนื่องจากกัมพูชาประสบปัญหาเรื่องการระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรง ส่วนประเทศเวียดนาม JWD วางแผนจะเพิ่มสัดส่วนในการเข้าถือหุ้นเพิ่มจากเดิมมีสัดส่วน 25% เนื่องจากมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว

Back to top button