TU บวก 5% โบรกชี้กำไร Q2 เฉียด 2 พันลบ. รับบาทอ่อน-ไฮซีซั่นอาหารทะเล ชูเป้า 22.10 บ.

TU บวก 4% โบรกฯแนะ “เก็งกำไร” ชูเป้า 22.10 บ. คาดกำไรไตรมาส 2 โดดเด่นเฉียด 2,000 ลบ. หลังเงินบาทอ่อนค่าหนุน พร้อมเข้าสู่ไฮซีซั่นอาหารทะเลยอดพุ่งจากร้านอาหารหลังสหรัฐฯเปิดเมือง ลุ้นครึ่งปีแรกปันผล 0.35 บาทต่อหุ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (9 ก.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ณ เวลา 11.45 น. อยู่ที่ระดับ 21.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 4.78% โดยทำจุดสูงสุดที่ 22.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 21.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 832.86 ล้านบาท

บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ก.ค. 2564) โดยประเมินต่อหุ้น TU ซึ่งในเบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,910 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าและเข้าสู่ไฮซีซั่นของการขายอาหารทะเลแช่แข็งมียอดขายฟื้นตัวสูงจากการที่ร้านอาหารในสหรัฐฯกลับมาเปิดมากขึ้นหลังจากการเปิดเมือง

ส่วนกลุ่มอาหารทะเลแปรรูปมียอดขายชะลอลงจากฐานสูงในปีก่อนที่มีการตุนสินค้าในช่วงล็อคดาวน์ แต่คาดว่าอัตรากำ ไรขั้นต้นยังทรงตัวค่อนข้างสูง เนื่องจากควบคุมต้นทุนได้ดีและราคาวัตถุดิบปลาทูน่ายังต่ำ ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตดีต่อเนื่อง จึงประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ TU จะอยู่ในระดับสูงที่ 18% (เพิ่มจาก 17.70% ในไตรมาส 1/2564) นอกจากนั้นคาดว่า Red Lobster จะขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนที่มีมีล็อกดาวน์ เนื่องจากการเปิดเมืองในสหรัฐฯ ทางฝ่ายวิจัยคาดว่า TU จะจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรก 2564 เท่ากับ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่1.70%

ทั้งนี้แนวโน้มกำไรยังแข็งแกร่งต่อในไตรมาส 3/2564 ที่เป็นพีคซีซั่นและเงินบาทอ่อน ซึ่งธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งเป็นทิศทางขาขึ้นและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตดีตาม Demand ที่เพิ่มขึ้นและการออกสินค้าใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูง ขณะที่ Red Lobster มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ยั่งยืนมากข้นหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายลดลง อีกทั้งยอดขายฟื้นตัวจากการเปิดร้านให้นั่งทานได้แล้วกว่า 97% ของจำนวนร้านทั้งหมด

อย่างไรก็ตามหากกำไรไตรมาส 2/2564 เป็นไปตามที่คาดจะทำให้กำไรครึ่งปีแรก 2564 คิดเป็น 56% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นครึ่งปีแรก 2564ที่ 17.80% ดีกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ที่ 17.0% จากการเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรดี รวมทั้งควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน ขณะที่ผลประกอบการของ Red Lobster มีแนวโน้มดีกว่าคาดโดยาดทุนลดลงมากกว่า 50% จากปีก่อน

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยจึงปรับ PE Valuation จาก 13 เท่า เป็น 16 เท่า และให้ราคาเป้าหมายใหม่ 22.10 บาท จากเดิมที่ 18 บาท ยังคงแนะนำ “เก็งกำไร”

Back to top button