APURE แรลลี่ยาว! พุ่งอีก 15% ทะลุเป้า 8.50 บ. จับตากำไร Q2 โตทะลักเกิน 100%

APURE แรลลี่ยาว! พุ่งอีก 15% ทะลุเป้า 8.50 บ. โดย ณ เวลา 16.15 น. อยู่ที่ระดับ 9.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท จับตากำไร Q2 โตทะลักเกิน 100%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (2 ส.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE ณ เวลา 16.15 น. อยู่ที่ระดับ 9.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท หรือ 15.38% โดยทำจุดสูงสุดที่ 9.15 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 7.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 769.50 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ค.64) ว่า APURE คาดกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 อยู่ที่ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

ขณะเดียวกันมีการประเมินอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2564 ที่ 28.2% และในปี 2565 ที่ 28.5% ตามลำดับ และคาดการณ์ว่ารายได้รวมในปี 2564 อยู่ที่ 2,727 ล้านบาท และในปี 2565 อยู่ที่ 3,166 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหนุนการเติบโตของผลประกอบการในอนาคต อย่างจากการเติบโตในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกาและยุโรปซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากอเมริกาและยุโรปคิดเป็น 20% และ 10% ของยอดขายทั้งหมดตามลำดับนอกจากนี้บริษัทยังได้เปรียบคู่แข่งทางด้านภาษีในยุโรปอีกด้วย

ตามด้วยการเติบโตจากการพลักดันสินค้าที่เป็นแบรนด์ของบริษัทเองโดยปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% ของยอดขายทั้งหมด และการเพิ่มกำลังการผลิตโดยปัจจุบันมีบางสายการผลิตที่ผลิตเต็มอัตราแล้วส่งผลให้บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20% จากเดิมใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาทคาดการณ์ว่ากำลังการผลิตใหม่จะดำเนินการผลิตได้ในปี 2565 (ยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของฝ่ายวิจัย)รวมถึงการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตรากำไรดีขึ้น

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยยังคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 109 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 75% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นโดยคาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 28.7% สูงกว่าไตรมาส 2/2563 ที่ 25.5% และไตรมาส 1/2564 ที่ 27.5% ตามลำดับ จากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเชิงขนาด

อีกทั้งคาดการณ์ว่ารายได้รวมอยู่ที่ 646 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งหนุนจากคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาต่อเนื่องโดยเฉพาะลูกค้าจากต่างประเทศแม้ลูกค้ามีการเลื่อนคำสั่งซื้อออกไปบางส่วนจากการขาดแคนตู้คอนเทนเนอร์แต่กระทบจำกัด นอกจากนี้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อของ Warmart ในเดือนมิถุนายน 2564 รวมถึงธุรกิจได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ดังนั้นเชื่อว่ากำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมาจะเป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ โควิด-19 ช่วยหนุนคำสั่งซื้อให้เพิ่มขึ้นจากซัพพลายในต่างประเทศที่ลดลง ซึ่งจะเป็นโอกาสของบริษัทในระยะยาวในการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าขณะที่บริษัทมีการปรับปรุงรูปแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้ธุรกิจมีความน่าสนใจจากลูกค้ารายใหม่ช่วยหนุนรายได้การจัดการต้นทุนช่วยหนุนอัตรากำไรโดยต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นส่งผลกระทบจำกัดเนื่องจากลูกค้าเป็นผู้รับภาระค่าขนส่ง ด้านต้นทุนกระป๋องที่มีแนวโน้มสูงขึ้นบริษัทมีการทำสัญญาซื้อกระป๋องล่วงหน้าไว้ทั้งปี 2564 กระทบจำกัดเช่นกันนอกจากนี้ยังมีเงินปันผลอยู่ในระดับ 4% แนะนำ ซื้อประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 8.50 บาทอิง PER16 เท่า

 

Back to top button