SFT บวกแรง 4% “ออลไทม์ไฮ” รับกำไร Q2 โตกว่าเท่าตัว โบรกฯชี้ H2 โตต่อเนื่อง

SFT บวกแรง 4% “ออลไทม์ไฮ” รับกำไร Q2/64 โตกว่าเท่าตัว โบรกฯชี้ H2/64 โตต่อเนื่อง-ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ขึ้น แนะซื้อเป้า 9 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(10ส.ค.64) บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  หรือ SFT  ณ เวลา 15.34 น. อยู่ที่ระดับ 7.20 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 3.60%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52.09 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 29 ต.ค 2563

นายซุง ชง ทอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64  แม้จะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้น แต่บริษัทยังสามารถผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ด้วยกำไรสุทธิ 37.18 ล้านบาท เติบโต 114.7% หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.32 ล้านบาท และขยายตัวเพิ่มขึ้น 30.8% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่รายได้จากการขายรวมทำได้  219.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายรวมที่ 166.03 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 18.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64

ความสำเร็จดังกล่าวมาจากขีดความสามารถด้านการแข่งขันที่ดีของ SFT จากการตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนและอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์สีทาบ้าน ที่มีออเดอร์การผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปสูงขึ้น หลังเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ของไลน์การผลิตใหม่ในช่วงเดือนมิถุนายนนที่ผ่านมา

รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อัตราการใช้เครื่องจักรโดยเฉลี่ยปรับตัวขึ้นเป็น 85.2% ของกำลังการผลิตรวม ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง (Economy of Scale) รวมถึงการบริหารจัดการด้านวัตถุดิบที่ดี  เป็นผลให้ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) SFT ทำกำไรสุทธิสูงถึง 65.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัทฯ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการฉลากฟิล์มหดรัดรูปอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความสามารถด้านการผลิตให้มีคุณภาพสูงสุด เนื่องจากไลน์การผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูป โดยเฉพาะระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์ ที่มีการรองรับดีมานต์ความต้องการลูกค้าจากยอดออเดอร์การผลิตฉลากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโต 15-20% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ SFT จะไม่หยุดยั้งในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจรองรับโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ โดยนำความเชี่ยวชาญด้านการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูป สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Digital Flexible Packaging คาดว่าจะเริ่มทดลองตลาดได้ภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคาะห์วันนี้(10ส.ค.64) ว่า SFT แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย  9.00 บาท ตามการปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น  SFT รายงานกำไรสุทธิไตรมาส2/2564 ที่ 37 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยเติบโต +115% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน , +31% เทียบไตรมาสก่อนหน้า สูงกว่าตลาดคาด +38% และเราคาด +44% เป็นไป ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นสูงแม้จะมีปัจจัยกดดันจากการระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ ส่วนหนึ่งเนื่องจากมาตรการควบคุมในครั้งนี้ไม่เข้มงวดเท่าปีที่แล้วที่มีเคอร์ฟิวทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทยัง ได้อานิสงส์จากการเริ่มดำเนินการสายการผลิตใหม่ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้สามารถ รองรับคำสั่งซื้อลูกค้าได้มากขึ้น

ทั้งนี้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ขึ้น +20%/+6% เป็น 131 ล้านบาท/144 ล้านบาท (+67% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน /+10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ) เพื่อสะท้อนทิศทางยอดขายที่ดีกว่าคาดมาก

ขณะที่ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลัง 2564 จะเติบโตสูงต่อเนื่อง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน  ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และ outperform SET +9%/+7% ในช่วง 1/3 เดือน จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564  ที่ออกมาดีและการคาดการณ์ว่าทิศทางในช่วงเวลาที่เหลือของปี จะเติบโตต่อเนื่อง คงมุมมองบวก และมองว่าหุ้น SFT มีโอกาสที่จะ outperform ต่อจากแนวโน้มกำไรที่โตโดดเด่น +36% CAGR (2020-22E) ขณะที่ในระยะกลางมีโอกาสเห็น upside เพิ่มเติมจากการขยายสู่ธุรกิจอื่น ๆ เช่น บรรจุ ภัณฑ์แบบอ่อนตัว

Back to top button