NETBAY วอลุ่มแน่น-บวกแรง 5% โบรกฯเชียร์ซื้อกำไรปีนี้โตเด่นแตะ 183 ลบ. เคาะเป้า 32.50 บ.

NETBAY วอลุ่มแน่น-บวกแรง 5% โบรกฯเชียร์ซื้อกำไรปีนี้โตเด่น 17% แตะ 183 ลบ.เคาะเป้า 32.50 บ. พร้อมจับตาโครงการ HAPY Bot- Farm De Ville เสริมธุรกิจแข็งแกร่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(7 ก.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ณ เวลา 11.17 น. อยู่ที่ระดับ 26.50 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.95% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 75.48 ล้านบาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราห์วันนี้(7 ก.ย.2564) ว่า เริ่มต้นคำแนะนำซื้อ NETBAY จากจุดเด่นเรื่อง Competitive Advantagesเหนือคู่แข่ง เรื่องการต่อท่อส่งข้อมูลที่ครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐและเอกชนและรายได้ส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง นอกจากนี้เนื่องด้วยสินค้าและบริการของ NETBAY ถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งใน Core Business ของลูกค้า และโมเดลการคิดค่าบริการแบบ Pay per Transaction ทำ ให้รายได้มีลักษณะเป็นแบบ Snow Ball มีอัตราการบอกเลิกใช้บริการต่ำมาก

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของบริษัทส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ส่งผลให้ได้ประโยชน์จากกาไรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของรายได้ (Operating Leverage) ซึ่งถูกพิสูจน์มาแล้วในอดีตที่ผ่านมา คาดกำไรทั้งปี 2564 อยู่ที่ 183 ล้านบาท (+16.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) มีอัตราการเติบโตกำไร CAGR (2021-2024) ที่ 20.9%

ทั้งนี้คาดกำไรปี 2564 ฟื้นตัวไม่เต็มที่แต่เป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นสิทธิพิเศษทางภาษี (BOI) ของ NETBAY ได้หมดลงตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรตั้งแต่ตั้งแต่ครึ่งแรกปี  2564 จนถึงกลางปี 2565  จะได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์เปิดเมืองไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตามมองว่าเป็นเพียงปัจจัยลบชั่วคราว ไม่กระทบกับพื้นฐานทางธุรกิจของ NETBAY ประมาณการกำไรค่อนข้าง Conservative โดยคาดรายได้มีอัตราการเติบโต CAGR (2021-2024) ที่ 16.3% และกำไรมีอัตราการเติบโต CAGR (2021-2024) ที่ 20.9% ซึ่งประมาณการนี้ ยังไม่รวมธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้น ตามกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท สำ หรับปี 2564-2565 ที่ได้เพิ่มโฟกัสอีก 3 เสาหลักคือ Digital Health Platform, Digital Agriculture Platform, และ Data Analytics  ริเริ่มโครงการ HAPY Bot และ Farm De Ville ต่อยอดความแข็งแกร่ง

ด้านโครงการ HAPY Bot หุ้นยนต์ทางการแพทย์ ถูกคิดค้นให้ทำหน้าที่ขนส่ง นำทางเคลื่อนที่อิสระ เพื่อขนส่งยา วัคซีน และเวชภัณฑ์การแพทย์ มีราคาค่าเช่าในกรอบ 30,000 – 35,000 บาท/เดือน ปัจจุบัน บริษัทเริ่มเปิดให้บริการแล้ว 30 ตัว ในโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทย และโครงการ Farm De Ville (Deep tech) เป็นโปรเจค Smart Farming ให้บริการผสมผสานเทคโนโลยีกับการทาเกษตรกรรม มีลักษณะเป็นฟาร์มระบบปิด ควบคุมตัวแปรได้ทุกอย่างและใช้เทคโนโลยี AI มาประมวลผล ทำให้มีผลผลิตที่คาดการณ์ได้ ง่ายต่อการวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุน โดยปัจจุบัน บริษัทเริ่มก่อสร้างสวนตัวอย่างแล้วและจะมีกำหนดการแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2564 มองว่าทั้ง 2 โครงการดังกล่าว มี Downside ต่ำ เพราะผู้บริหารยังคงยึดหลักโมเดล Asset Light แต่ถ้าในกรณีที่สำเร็จ จะสามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างมีนัย

ให้ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 32.50 บาท แนะนำซื้อประเมินมูลค่าหุ้น ด้วยวิธี DCF. เนื่องด้วยผลประกอบการมีความผันผวนต่ำเพราะมีรายได้ Recurring เป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับ Barrier to Entry ที่สูง และงบการเงินที่มีสถานะ Net Cash ทำให้บริษัทมีความยืดหยนุ่ ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ดี ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 32.50 บาท (WACC 8%, T.G.1%) คิดเป็น PER’22 ที่ 30.6x  ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5-Year PE ที่ 42.3x และค่าเฉลี่ย 2-Year PE ที่ 34.7x ถึงแม้ว่าผลประกอบการปี 2564 จะฟื้นตัวไม่เต็มที่ เนื่องด้วยสิทธิพิเศษทางภาษีที่หมดลง ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันยังไม่ขยับตัวสูง แต่มองว่าเป็นเพียงปัจจัยระยะสัน้ ไม่กระทบกับพื้นฐานธุรกิจ ประกอบกับอัตราเงินปันผลระดับ 2-3% ทุกปี จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button