AIT ร่วง 11% คาดปรับฐานหลังราคาทะยานแรง 3 เดือนกว่า 120%

AIT ร่วง 11% คาดปรับฐานหลังราคาทะยานแรง 3 เดือนกว่า 120% โดย ณ เวลา 15:51 น. อยู่ที่ระดับ 43.50 บาท ลบ 5.50 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (2 พ.ย.64) ราคาหุ้น บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ณ เวลา 15:51 น. อยู่ที่ระดับ 43.50 บาท ลบ 5.50 บาท หรือ 11.22% ราคาสูงสุด 48.75 บาท ราคาต่าสุด 42.75 บาท  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  620.34 ล้านบาท

โดยราคาปรับตัวลงแรงคาดหุ้นปรับฐาน หลังราคาทะยานแรง  3  เดือน โดยนับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 21.50 บาท เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2564 จนมาอยู่ที่ระดับ 48.75 บาท ณ วันที่ 2 พ.ย.2564 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 126%

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้(2ก.ย.64) นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบ AIT เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,905 ล้าบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 258 ล้านบาท

เนื่องจากบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 23 ส.ค. 2564 อยู่ที่ 7,800 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 40% หรือคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดๆ ไป

ทั้งนี้ Backlog ดังกล่าว รวมโครงการวางสายไฟฟ้าลงใต้ดินของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นวิสาหกิจภายใต้กำกับดูแลของกรุงเทพมหานคร (กทม.) มูลค่าประมาณ 2,111.85 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญา คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 480 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทมีโครงการที่ยื่นประมูลไปแล้วอยู่ระหว่างรอการพิจารณา มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจ มูลค่า 805 ล้านบาท คิดเป็น 80.5%, งานผู้ให้บริการโทรคมนาคม มูลค่า 190 ล้านบาท คิดเป็น 19%, งานสถาบันการเงิน-ประกัน มูลค่า 2 ล้านบาท คิดเป็น 0.2% และงานภาคเอกชน มูลค่า 3 ล้านบาท คิดเป็น 0.3%

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งเน้นเข้าร่วมประมูลงานทางด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามนโยบายรัฐที่เร่งขับเคลื่อนออกมา โดยมีโครงการที่คาดว่าจะเข้าร่วมประมูลทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชนในช่วงที่เหลือของปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท

ดังนั้นบริษัทมั่นใจรายได้ปี 2564 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,500 ล้านบาท โดยบริษัทยังเน้นงานวางระบบเนื่องจากมีความเชี่ยวชาญสูง ประกอบกับปรับตัวและพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ที่รองรับกับกระแสดิจิทัลมากขึ้น อาทิ อุปกรณ์ใน Data Center และระบบ Cloud เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการต่อยอดจากฐานลูกค้าเดิม รวมถึงรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าประจำที่มียาวนาน

นายศิริพงษ์ กล่าวว่า บริษัทมีการพิจารณาการแตกพาร์จากปัจจุบันอยู่ที่ราคา 5 บาท มาโดยตลอด เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยได้เข้ามาลงทุนในหุ้น AIT มากขึ้น เพิ่มสภาพคล่องให้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันแม้ผลการดำเนินงานดี P/E ต่ำ แต่ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง

Back to top button