TQM วอลุ่มแน่น-บวกแรง 5% ลุ้นกำไร Q4 พุ่งต่อ-ทั้งปีโตทะลุ 905 ลบ. แนะซื้อเป้า 154 บาท  

TQM วอลุ่มแน่น-บวกแรง 5% ลุ้นกำไร Q4 พุ่งต่อ-ทั้งปีโตทะลุ 905 ลบ. แนะซื้อเป้า 154 บาท โดยปิดภาคเช้าวันนี้ (19 พ.ย.64) อยู่ที่ระดับ 112.00 บาท บวก 5.00 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 พ.ย.2564) บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ TQM  ปิดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 112.00 บาท บวก 5.00 บาท หรือ 4.67% สูงสุดที่ระดับ 112.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 107.00 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 280.21 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TQM รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ที่ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.1% จากไตรมาส 3/2563 และ 9.6% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นไปตามคาด ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่าย อยู่ที่ 376 ล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ 48.9% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 50.1% เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมดีขึ้น อยู่ที่ 22.3% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 23.9%

ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4/2564 จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2563 แต่ทรงตัวจากไตรมาส 3/2564 หนุนโดยยอดขายเบี้ยประกันและรายได้ค่าธรรมเนียมบริการที่เพิ่มขึ้น คงประมาณการกำไรปี 2564 เท่าเดิมที่ 905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% หนุนโดยยอดขาย เบี้ยประกันและรายได้ค่าธรรมเนียมบริการที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 154 บาท

อนึ่งก่อนหน้านี้ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของหุ้น (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท ส่งผลให้หุ้นเพิ่มเป็น 600,000,000 หุ้น จากเดิม 300,000,000 หุ้น เพื่อให้บริษัทสามารถเพิ่มการกระจายการถือหุ้นบริษัทไปยังผู้ลงทุนได้กว้างขวางขึ้น และทำให้หุ้นของบริษัทมีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น โดยสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายจะไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ บอร์ดยังได้อนุมัติให้บริษัทมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ทีคิวซี จำกัด หรือ TQC ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้บริการบริหารสินไหมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และให้คำปรึกษาวินิจฉัยการเรียกร้องสินไหมของลูกค้าแก่บริษัทประกันภัยและบริษัทประกันชีวิต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามาส่งเสริมรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท ให้สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้

ขณะที่ในไตรมาส 3/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 241.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายประกันทุกช่องทาง และการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และจากการควบรวมกิจการที่ได้ลงทุนในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้รวม 851.9 ล้านบาท บริษัทสร้างผลประกอบการได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

โดยยอดขายประกันภัยเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ในทุกช่องทางขาย โดยช่องทางหลักยังเป็น Telesales และช่องทางออนไลน์ จากฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ที่มีอยู่กว่า 2 ล้านราย และขณะเดียวกันลูกค้าใหม่ทางช่องทางออนไลน์ก็ยังคงเติบโตตามไลฟ์สไตล์ในวิถี Next Normal

สำหรับงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% โดยมีรายได้ค่าบริการ 2,433.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% มีรายได้อื่น 122.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.9 ล้านบาท มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหาร 1,170.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% และค่าใช้จ่ายในการบริหาร 567.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์

Back to top button