KSL บวก 3% โบรกเชียร์ “ซื้อ” เป้า 4.70 บ. มองกำไร Q2 โตเด่น ราคาน้ำตาลยืนสูง

KSL เด้ง 3% “ฟินันเซีย” เชียร์ซื้อเป้า 4.70 บ. มองกำไรไตรมาส 2/65 เร่งตัวขึ้น และหนุนทั้งปีเติบโตแกร่ง ขณะที่ราคาน้ำตาลทรงตัวอยู่ในระดับสูง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 3.68 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 2.79% สูงสุดที่ระดับ 3.72 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.62 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25.16 ล้านบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับหุ้น KSL โดยระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 2/65 (ก.พ.-เม.ย.22) จะฟื้นตัวสดใสโตทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนเพราะเป็น High Season ของกระบวนการผลิต ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงสุดของปี หนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น และคาดปริมาณขายน้ำตาลจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของโควิด ขณะที่สต็อกเก่าขายหมดไปในไตรมาส 1/65 ส่วนในไตรมาส 2/65 จะเป็นน้ำตาลล็อตใหม่ที่มีราคาขายสูงขึ้น และคาดกำไรอาจยังทรงตัวได้ดีในไตรมาส 3/65 ก่อนจะอ่อนตัวลงเป็นจุดต่ำสุดของปีในไตรมาส 4/65 ตามปัจจัยฤดูกาล

ทั้งนี้ ผู้บริหารให้มุมมองราคาน้ำตาลในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะทรงตัวสูงในกรอบ 19-20 เซนต์ต่อปอนด์ สูงขึ้น 6%-12% จากปีก่อนโดยมี 3 ปัจจัยบวกคือ 1.ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูง จะช่วยหนุนให้บราซิลมีการนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลเพิ่มขึ้นจากที่คาดสัดส่วนไว้ 55% (อีก 45% นำไปผลิตน้ำตาล) อาจขยับไปได้ถึง 65%

2.สต็อกน้ำตาลยังอยู่ในระดับต่ำหลังขาดดุล 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศผู้บริโภคจึงทยอย Restock น้ำตาลอย่างต่อเนื่อง และ 3.ค่าเงินเรียลบราซิลต่อ USD แข็งค่า ถือเป็นลบต่อผู้ส่งออกน้ำตาล อาจทำให้มีการชะลอส่งออกชั่วคราวเชื่อว่าทั้ง 3 ประเด็นน่าจะพอหักล้างปัจจัยลบต่อราคาน้ำตาลได้ ซึ่งคือคาดภาวะน้ำตาลโลกปีหน้า 2565/66 จะพลิกเป็นเกินดุลในรอบ 3 ปีราว 2.45 ล้านตัน (ผลผลิตไทยและอินเดียเพิ่มขึ้น) จากที่ คาดขาดดุลในปี 2563/64 – 2564/65 ที่ -2.25 ล้านตัน และ -0.1 ล้านตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตามคงมุมมองระมัดระวังมากขึ้น หากราคาน้ำมันดิบปรับลงเร็ว อาจส่งผลให้ราคาน้ำตาลปรับลงเร็วกว่าคาดก็เป็นได้

โดยปัจจุบันอนท.และบริษัทได้ล็อกราคาขายน้ำตาลล่วงหน้าครอบคลุมปี 2565 ที่ระดับราคาเฉลี่ย 20.4 เซนต์ต่อปอนด์ +16% จากปีก่อน และเริ่มทยอยล็อกราคาของปี 2566 แล้วราว 20% ที่ระดับราคาใกล้เคียงปีนี้

ขณะที่ผลผลิตอ้อยปี 2565 ของบริษัทเพิ่มขึ้น +36% จากปีก่อน เป็น 6.48 ล้านตันอ้อย เป็นไปในทิศทางเดียวกับอ้อยทั้งประเทศ ไทยที่ +35% จากปีก่อน เป็น 90 ล้านตันอ้อย สูงสุดในรอบ 3 ปี จะส่งผลบวกต่อไปยังธุรกิจ ต่อเนื่องทั้งโรงไฟฟ้า และเอทานอล ทำให้มีเชื้อเพลิงมากขึ้น ลดการซื้อเชื้อเชื้อเพลิงจากภายนอก จึงคาดเห็นการฟื้นตัวทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 กลับมาสดใสอีกครั้ง และคาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโตเป็น 1,181 ล้านบาท (+92% จากปีก่อน) คงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 4.7 บาท (อิง PBV 1 เท่า)

Back to top button