BBIK แวลู่แน่น-บวกแรง 5% ปักธงรายได้-กำไรปีนี้โต 50% โบรกเชียร์ซื้อเป้า 74 บ.

BBIK แวลู่แน่น-บวกแรง 5% ปักธงรายได้-กำไรปีนี้โต 50% โบรกเชียร์ซื้อเป้า 74 บ. โดย ณ เวลา 12:01 น. อยู่ที่ระดับ 63.50 บาท บวก 3.00 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(22 มี.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ณ เวลา 12:01 น. อยู่ที่ระดับ 63.50บาท  บวก 3.00 บาท หรือ 4.96% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 440.10 ล้านบาท

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  BBIK  เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง MCOT HD30 เมื่อในวันที่ 21 มีนาคม 2565 มีประเด็นสำคัญดังนี้

แนวโน้มผลประกอบการปี 2565

สำหรับผลประกอบการปี 2564 ที่ผ่านมารายได้และกำไรเติบโต 50% ซึ่งถือเป็นไปตามเป้าหมายทางผู้บริหารวางไว้ โดยในปี 2565 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้มีการทำแผนกันอย่างเข้มข้นและมองตลาดอยู่ในแนวโน้มที่ดี เนื่องจากภาคธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนหลายๆ ประเทศมีความตื่นตัวต่อกระแส “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน” และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจการที่บริษัทเป็นที่ปรึกษาที่ให้คำปรึกษาด้านของ Digital transformation แบบครบวงจร ทำให้มีความสามารถในการให้บริการ

ปีนี้มีผลิตภัณฑ์และการให้บริการเพิ่มเติมจากปีก่อนอย่างไรบ้าง

สำหรับผลิตภัณฑ์และการให้บริการสำหรับปีนี้มีเพิ่มเติมเป็นเรื่องของการปรับปรุง และเพิ่มศักยภาพให้กับระบบงานที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบหลังบ้านบริษัทต่างๆ และผลิตภัณฑ์การเชื่อมต่อระบบกับ LINE ทำให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ได้ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยรายได้สัดส่วนมาจากต่างประเทศประมาณ 14% มาจากประเทศสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ทำให้บริษัทได้จัดตั้งบริษัทใหม่ที่ดูแลตลาดต่างประเทศคือบริษัท บลูบิค โกลบอล ซึ่งตรงนี้ได้พาร์ทเนอร์ที่เป็นชาวอังกฤษและอินเดีย ซึ่งเคยผ่านงานระดับโลกเข้ามาร่วมงานกับบริษัท ขณะที่สัดส่วนรายได้ในประเทศ 86%

ร่วมไปถึงการเปิด Technology Center  ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศอินเดีย ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและความรู้ทางเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้มีโอกาสไปตีตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) ได้ดีขึ้น รวมไปถึงการมองหาทรัพยากรบุคคลที่เพียงพอเข้ามาเสริมแกร่งธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทพยายามลดค่าใช้จ่ายโดยได้ยืนขอบีโอไอเพื่อได้สิทธิประโยชน์เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางภาษีอีกทาง

บริษัทร่วมทุนกับ OR ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ประมาณ 150 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มลูกค้าปีนี้ในต่างประเทศจะเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ได้เริ่มงานไปแล้ว ส่วนลูกค้าในประเทศมีลูกค้าในกลุ่มค้าปลีก ล่าสุดได้ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด” กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR  โดย BBIK  ถือหุ้นสัดส่วน 60% และ OR  ถือหุ้นสัดส่วน 40% โดยทางบริษัทได้เข้าไปช่วยดูแลองค์กรเพื่อร่วมกันสร้าง Digital Platform ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งร่วมกันมาได้ประมาณ 6 เดือน โดยตั้งเป้าปีนี้รายได้บริษัทร่วมทุนประมาณ 150 ล้านบาท (แบ่งตามสัดส่วนถือหุ้น) และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในปีถัดไปอีกประมาณ 30-40%

สำหรับการร่วมทุนกับทาง OR ในครั้งนี้เป็นภาพที่ค่อนข้างใหญ่เพราะเป็นองค์กรใหญ่มีปั๊มน้ำมันปตท.อยู่ทั่วประเทศ ร้านคาเฟ่ อเมซอน ร้านอาหาร และอื่นๆอีกมากมายในเครือ ซึ่งตรงนี้จะนำเอา Digital transformation เข้าไปเสริม โดยโปรเจกต์แรกที่ทำคือ แอปพลิเคชัน (All in 1 Application) ออลอินวันแอป ที่ร่วมกันพัฒนาทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน บริการและผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่หลากหลายได้ครบถ้วนผ่านทางช่องทางเดียว และสามารถช่วยเชื่อมโยงตัวบริการของลูกค้า OR และพันธมิตรอื่นๆเพื่อต่อยอดธุรกิจซึ่งจะเป็นแผนงานที่ทางบริษัทวางไว้

สำหรับรายได้จากบริษัทร่วมทุนโดยในปีแรกจะเข้ามาจะเป็นตัวของการสร้างระบบ ซึ่งจะเป็นรายได้จากเครือ OR มาใช้บริการจากบริษัทร่วมทุน และในอนาคตบริษัทร่วมทุนนี้จะมีโอกาสสร้าง Digital Platform ร่วมกัน เพื่อสร้างรายได้อื่นๆเข้ามา อีกทั้งในทุกปีบริษัทตั้งเป้าต้องมีดีล JV หรือ M&A  เข้ามาอย่างน้อย 1 ดีล ตรงนี้เป็นเป้าหมายที่บริษัทวางไว้

โนมูระ” ประเมินกำไร 3 ปี ข้างหน้า โตเฉลี่ย 44% “บลูบิค” มีมุมมองอย่างไรบ้าง

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินกำไรเติบโตเฉลี่ย 44% ต่อปีในช่วง 3 ปี ข้างหน้า และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 74 บาท โดยบริษัทมองว่าเป็นเป้าหมายที่ใกล้เคียงปัจจุบันปีนี้ที่ตั้งไว้ประมาณ 50% ส่วนในปีถัดไปเชื่อว่าด้วยความเล็กมีโอกาสเติบโตจากนักวิเคราะห์มองไว้จากการแผนรุกธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

คาดปีนี้อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 21-22% จับตาปี 66 พุ่ง

สำหรับอัตรากำไรสุทธิ หรือ Net Profit Margin ในช่วงปี 2563 อยู่ที่ระดับ 22.06% และปี 2564 อยู่ที่ 21.71% สำหรับปี 2565 จากต้นทุนที่ลดลงคาดว่าปีนี้จะอยู่ในระดับ 21-22%  เนื่องจากได้ขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอซึ่งกระบวนการคาดจะได้ในช่วงไตรมาส 2/65 และต้องปรับส่วนรายได้ต่างๆให้เข้าถึงโครงการนี้ซึ่งปีนี้ยังไม่เด่น ส่วนปี 2566 คาดว่าจะเป็นปีที่อัตรากำไรสุทธิดีขึ้นชัดเจน เนื่องจากได้ใช้สิทธิทางภาษีเต็มปี

 ชู 3 จุด แข็ง “บลูบิค” แข่งขันผู้ครองตลาดรายใหญ่ระดับโลก

สำหรับจุดแข็งของบริษัทมีหลายคือ จุดแรกด้วยบุคลากรและผู้บริหารที่มาจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมารวมตัวกัน และมีผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่เป็นกรรมการและบอร์ด ผนวกกับคนที่เป็นมืออาชีพในสายงานเทคโนโลยีในงานที่ปรึกษาผ่านประสบการณ์ใหญ่ๆมาช่วยให้งานประสบความสำเร็จ 2.ในเรื่องขีดความสามารถทางบริษัทค่อนข้างมีครบถ้วน ตั้งแต่การวางกลยุทธ์เพื่อดูว่าธุรกิจสามารถที่จะใช้ดิจิตอลปรับปรุงธุรกิจยังไงได้บ้าง ซึ่งในตลาดมีธุรกิจลักษณะนี้น้อยราย และ 3.ราคาต้นทุนบริษัทต่ำกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทต่างชาติ เพื่อจะเป็นหนึ่งในบริษัทฯ ที่ปรึกษาผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกตามแผนที่วางไว้

บลูบิค” นำนวัตกรรม-เทคโนโลยีที่มีมาบริหารต้นทุนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง

ในส่วนของบริษัทได้มีการปรับปรุงในเรื่องของกระบวนการภายในต่างๆอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบงานหลังบ้าน เพื่อช่วยลดต้นทุนให้ได้มากขึ้น และการลดต้นทุนได้แล้วจะลงทุนในอาร์แอนบีมากขึ้น เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจไปได้ในระยะยาวตรงนี้เป็นเป้าหมายผู้บริหารทุกคนมองตรงกันว่าธุรกิจจะขยายไปอีกมาก

Back to top button