KISS บวกแรง 7% โบรกชี้ผลงานโตเฉลี่ย 24% ใน 3 ปีข้างหน้า แนะซื้อเคาะเป้าสูง 11 บ.

KISS บวกแรง 7% โบรกชี้ผลงานโตเฉลี่ย 24% ใน 3 ปีข้างหน้า(ปี 65-67) แนะซื้อเคาะเป้าสูง 11 บ. โดย ณ เวลา 16:17 น. อยู่ที่ระดับ 7.90 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 เม.ย.2565) ราคาหุ้น บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ณ เวลา 16:17 น. อยู่ที่ระดับ 7.90 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือ 7.48% โดยทำจุดสูงสุดที่ 7.90 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 7.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59.04 ล้านบาท

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (24ก.พ.65) แนะนำ “ซื้อ” KISS ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท  จาก 1.) คาด KISS จะมีการเติบโตของผลประกอบการเฉลี่ย 24% ต่อปี (2565-2567) หลังจากผ่านไตรมาสที่แย่ไปแล้วในไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2564 จากเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวในช่องทางร้านค้าซึ่งเป็นจุดจำหน่ายหลักของบริษัท ,2.) ตลาดต่างประเทศจะเป็นอีกช่องทางในช่วยการเติบโตจากการขยายประเทศจำหน่าย และ 3.) คาด O2KISS จะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้หลังจากจะมีการปรับสินค้าและการทำการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น

โดยก่อนหน้านี้(27ก.พ.65)นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS กล่าวว่า แผนกลยุทธ์การเติบโตในปี 2565 บริษัทมีแผนการตลาดและกระจายสินค้าในการผลักดันแบรนด์ Rojukiss ที่เป็นแบรนด์หลักอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการทำการตลาดเพื่อให้เป็นแบรนด์และสินค้านวัตกรรมของแบรนด์ที่ได้รับการพูดถึงและอยู่ในกระแสอย่างเต็มรูปแบบโดยเฉพาะในช่องทางดิจิทัล โดยเน้นการเติบโตในช่องทางร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงาม และรุกช่องทางออนไลน์ทั้ง e-Com Marketplace และ Social Commerce ต่อเนื่องควบคู่กัน

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนงานเชิงรุกในการเติบโตต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศอย่างเต็มสูบ โดยเน้นการสร้างแบรนด์และเพิ่มยอดขายในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทยังได้เข้าลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด เพื่อต่อยอดการขยายธุรกิจรุกตลาดสุขภาพอย่างเต็มตัว ผ่านการพัฒนานวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกที่มีเทคโนโลยีที่ออกแบบมาจำเพาะเพื่อป้องกันและยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้รับการพัฒนา คิดค้นและวิจัยโดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญคนไทย โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการเรื่องสุขภาพที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถต่อยอดขยายผลการเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างเข้มแข็ง โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในไตรมาส 3 /2565 นี้

สำหรับในปี 2564 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายในเชิงการบริหารจัดการเพื่อรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามมีการชะลอตัว ทั้งนี้ KISS ได้มีการปรับแผนรับมือกับสภาวการณ์นี้เพื่อรักษาผลการดำเนินงาน โดยสามารถสร้างรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวมอยู่ที่  772 ล้านบาท ลดลง 20% จากปีก่อน  และยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119 ล้านบาท  ลดลง 29%  จากปีก่อน ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15.4%

ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายโดยเน้นการเติบโตในส่วนของ e-Commerce ผ่านช่องทางออนไลน์ที่สามารถเติบโตได้กว่า 2 เท่าจากปีก่อน ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทำงานจากบ้าน (Work from Home) และหันมาซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญ การขยายธุรกิจสกินแคร์ภายใต้แบรนด์ Rojukiss เข้าไปในต่างประเทศมีการเติบโตที่ดีมาก ทั้งในประเทศลาว กัมพูชา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินโดนีเซีย โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการส่งออกรวมทั้งสิ้นกว่า 124 ล้านบาท เติบโต 174% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งการขยายแบรนด์ Rojukiss และ Sis2Sis เข้าในประเทศเวียดนามเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2565 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทต่อหุ้น เป็นเงินจำนวน 60 ล้านบาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พ.ค. 2565 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 5 พ.ค. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 พ.ค. 2565 หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2565 อนุมัติในวันที่ 25 เม.ย. 2565

Back to top button