SKN บวกแรง 6% ลุยขยายช่องทางขาย-เพิ่มประสิทธิภาพขนส่ง ลุ้นปีนี้กำไรแตะ 444.2 ลบ.

SKN บวกแรง 6% ลุยขยายช่องทางขาย-เพิ่มประสิทธิภาพขนส่ง ลุ้นปีนี้กำไรแตะ 444.2 ลบ. แนะซื้อเป้า 10.50 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(11 เม.ย.2565) ราคาหุ้นบริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN ปิดตลาดที่ระดับ 8.55 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 5.56% สูงสุดที่ 8.65 บาท ต่ำสุดที่ 8.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 60.80 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้(6 มี.ค.65) นายหาญศิริ แสงวงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสและนักลงทุนสัมพันธ์  SKN กล่าวว่า บริษัทได้มีการลงทุนจัดตั้งบริษัทย่อย คือบริษัท เอสเคเอ็น คราฟท์ แอนด์ เปเปอร์ จำกัด ไปเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจการนำกระดาษที่ใช้แล้วมาคัดแยกพลาสติกและโลหะออก และนำไปผ่านกระบวนการบดและปั่นแห้ง เพื่อผลิตเป็นเยื่อกระดาษและการดาษ มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี มีกำลังการผลิตเยื่อกระดาษจากกระดาษที่ใช้แล้ว 200,000 ตันต่อปี

สำหรับตลาดของบริษัทในปี 2564 มีสัดส่วนจากตะวันออกกลาง (Middle East) เพิ่มขึ้นเป็น 69% จากปี 2563 อยู่ที่ 57% ส่วนตลาดเอเชีย (Asia) อยู่ที่ 18% จากปี 2563 อยู่ที่ 14% ขณะที่ตลาดในประเทศ (Domestic) อยู่ที่ 10% จากปี 2563 อยู่ที่ 24% และตลาดอื่น ๆ อยู่ที่ 3% จากปี 2563 อยู่ที่ 4% ด้านช่องทางการจำหน่ายในปี 2564  เป็นช่องทางการขายตรง 50% ลดลงจากปี 2563 อยู่ที่ 60% และการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย (Agent) เพิ่มเป็น 50% จากปี 2563 อยู่ที่ 40%

ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในปี 2564 ใกล้เคียงกับปี 2563 ที่ประมาณ 90% ซึ่งคาดว่าในปี 2565 ก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 90% ด้านปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์  ก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ โดยบริษัทจะมีการเพิ่มช่องทางการขาย โดยเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการขนส่ง และพยายามหาช่องทางในการส่งออกอื่น ๆ เพื่อลดบรรเทาปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วย อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท โดยในช่วงปีก่อนอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทมีการอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ในช่วงไตรมาส 1/2565  มีอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัท  รวมถึงมาตรการการค้าระหว่างประเทศ ในเรื่องภาษีอากรขาเข้าสำหรับแผ่นใยไม้อัดนำเข้าจากประเทศต่าง ๆ อย่างการส่งออกแผ่นใยไม้อัดไปยังประเทศอินเดีย ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ศรีลังกา ไทย และเวียดนาม ที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน หากได้ข้อสรุปจะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม  นอกจากนี้ ยังรวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาด้านโลจิสติกส์ จนทำให้ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์  และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ที่มีผลให้ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SKN แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท คาดผลประกอบการปี 2565 กลับมาสู่ระดับปกติ ผลประกอบการปี 2564 ที่ผ่านมาทำได้น่าประทับใจ เนื่องจากเป็นช่วงวัฎจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม ส่งผลให้ทั้งราคาขาย และปริมาณขายมีการ ปรับตัวสูงขึ้นมาก ประกอบกับได้อานิสงส์ จากเงินบาทอ่อนค่า

โดยคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะกลับมาสู่ระดับปกติอีกครั้ง หลังจากวัฏจักรการ Restock สินค้าในหลายประเทศได้ผ่านไปแล้ว  คงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 22 ไว้ที่ระดับเดิมที่ 3,111.2 ล้าน บาท และ 444.2 ล้านบาท ลดลง 25.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง 43.0%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

คงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 22 เท่ากับ 10.50 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แม้ผลประกอบการปี 2565 มีโอกาสกลับมาสู่ ระดับปกติ เนื่องจากราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้าง Underperform ทั้ง ที่ปัจจัยพื้นฐานยังดี ประเมินมูลค่าโดยอิง Average PE+1SD ที่ 18.8 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 22 ที่ 10.50 บาท

Back to top button