ALL บวก 4% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 4.5 พันลบ. ลุ้นทั้งปี “เทิร์นอะราวด์” ฟากราคาต่ำบุ๊ก

ALL บวก 4% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 4.5 พันลบ. ลุ้นทั้งปี “เทิร์นอะราวด์” ฟากราคาต่ำบุ๊ก โดย ณ เวลา 15:32 น. อยู่ที่ระดับ 1.29 บาท บวก 0.05 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(8 มิ.ย.65) ราคาบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL โดย ณ เวลา 15:32 น. อยู่ที่ระดับ 1.29 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 4.03% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 76.20 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่รัดบ 1.44 บาท

โดยก่อนหน้านี้นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALL เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายสร้างมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทได้ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ภายใต้แนวคิด “All New Era” ที่มองหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อการพลิกฟื้นธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว นำพาองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด รองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก เตรียมก้าวสู่ “โฮลดิ้ง คอมพานี” เพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้

โดยผ่าน 3 กลยุทธ์การลงทุนทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการแตกไลน์ธุรกิจของ ALL ประกอบด้วย 1. รุกธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Assets Management : AMC) รูปแบบการดำเนินงาน คือ การจัดตั้งบริษัทใหม่ พร้อมจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการควบรวมกิจการ และพร้อมเข้าประมูลกับสถาบันการเงิน คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าในปีแรกจะซื้อหนี้เข้ามาบริหารในพอร์ตไว้ที่ 500-1,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ,2. ธุรกิจบริหารหนี้สิน Debt Management เป็นการเข้าซื้อหนี้เสียมาบริหาร ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต หรือหนี้อื่น ๆ และมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และ3. ธุรกิจคาร์บอนเครดิต Carbon Credits ได้มีการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจ One Stop Service ซื้อ ขาย พัฒนา คาร์บอนเครดิต ผ่านบล็อกเชน รายแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้ในปี 2566 เป็นต้นไป

สำหรับสัดส่วนธุรกิจในปี 2565 ของบริษัท จะเปลี่ยนเป็นจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 30%, ธุรกิจบริหารหนี้สิน 30%, ธุรกิจคาร์บอนเครดิต 30% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 10% ทั้งนี้การปรับโครงสร้างธุรกิจจะทำให้บริษัทมีพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และตั้งเป้าเทิร์นอะราวด์ให้ธุรกิจกลับมาเติบโตรวดเร็วมากขึ้น

นายธนากร กล่าวอีกว่า ในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 4,000-4,500 ล้านบาท และเชื่อว่าผลประกอบการมีโอกาสที่จะพลิกมีกำไร จากการรับรู้รายได้จากธุรกิจ AMC และธุรกิจบริหารหนี้สินเข้ามาเสริม โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะลดลงเหลือประมาณ 40% ของรายได้รวม ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท และมีที่ดินเปล่าในมืออีกประมาณ 5-6 แปลง ซึ่งหากมีผู้สนใจซื้อก็จะขาย

สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้ในการลงทุนธุรกิจ AMC ประมาณ 50% ส่วนที่เหลือใช้ลงทุนในธุรกิจบริหารหนี้สินและธุรกิจคาร์บอนเครดิต โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ให้กับบุคคลแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 840 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มทุนให้กับกองทุน AO Fund เป็นกองทุนจากต่างประเทศที่เน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็ก (ปัจจุบันได้ออกไปแล้ว) และจะออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ของ ALL จำนวน 650 ล้านบาท ในอัตรา 1:1 ซึ่งจะได้รับเงินเพิ่มทุนส่วนนี้ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ 

Back to top button