TEKA บวก 5% ลุ้น Q2 โตต่อ ตุนแบ็กล็อก 1.7 พันลบ. ลุยประมูลงานเพิ่ม 20 โครงการ
TEKA บวก 5% ลุ้นผลงานไตรมาส 2/65 โตต่อ ตุนแบ็กล็อก 1.7 พันลบ. ลุยประมูลงานเพิ่ม 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้าน ลุ้นได้งาน 15-20% พร้อมวางเป้ารายได้ 3-5 ปี เติบโต 10-15% ต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(26 ก.ค.65) ราคาบริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA ณ เวลา 16:04 น. อยู่ที่ระดับ 4.40 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 4.76% ราคาสูงสุดที่ระดับ 4.46 บาท ราคาต่ำสุดที่ระดับ 4.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 126.22 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า การเติบโตในช่วง 3-5 ปีจากนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโตที่ระดับ 10-15% ต่อปี ตามการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ
โดยในปี 2565 บริษัทมั่นใจผลประกอบการจะเติบโตขึ้นกว่าปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1,605.04 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 126.02 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 600.45 ล้านบาท เติบโต 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 53.61 ล้านบาท เติบโต 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2565 บริษัทมี Backlog มูลค่ารวม 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2565 ประมาณ 80-85% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 15-20% จะทยอยรับรู้ในปีถัดไป ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานมากกว่า 20 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานประมาณ 15-20% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยประกาศผลตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 เป็นต้น
“จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 ที่เติบโตขึ้น ประกอบกับ Backlog ที่มีแผนจะทยอยส่งมอบในปีนี้อีกประมาณ 80-85% รวมถึงงานประมูลใหม่ๆ ที่จะประกาศเพิ่มในช่วงไตรมาส 3-4/2565 จะมีบางส่วนที่ทยอยรับรู้ในปีนี้ด้วย ดังนั้น จึงมั่นใจทั้งปี 2565 จะสามารถรักษาการเติบโตได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา” นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเปิดโอกาสขยายธุรกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีความสนใจที่จะขยายธุรกิจไปในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น ประเทศเวียดนาม เป็นต้น ทั้งนี้ ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ บริษัทเตรียมพบนักลงทุนที่เป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในประเทศเวียดนาม เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจไปในประเทศเวียดนาม