PRINC ดีด 5% เก็ง Q3 โตต่อ รับเปิดประเทศ หนุนยอดผู้ป่วยเพิ่ม 30%

PRINC เด้งแรง 5% เก็งไตรมาส 3/65 โตต่อ รับเปิดประเทศหนุนผู้ใช้บริการเพิ่มและตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันผู้ป่วยใหม่พุ่งเกือบ 30% รุกขยายโรงพยาบาลต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 30 ก.ย.65) ราคาหุ้น บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ณ เวลา 14:43 น. อยู่ที่ระดับ 6.05 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.22% สูงสุดที่ระดับ 6.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136.93 ล้านบาท

นายธานี มณีนุตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ PRINC กล่าวว่า ปัจจุบันการขยายโรงพยาบาล 20 แห่งภายในปี 67 ยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ขณะเดียวกันผลจากการเร่งขยายศูนย์การแพทย์และคลินิกเฉพาะทางกว่า 20 แห่ง ด้วยงบลงทุน 700 ล้านบาท ตามแผนการเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาล ส่งผลให้สัดส่วนของผู้รับบริการในโรคอื่นๆ กลุ่ม Non-Covid ขึ้นมาชดเชยรายได้จากกลุ่ม Covid อย่างมีนัยสำคัญ

โดยในไตรมาส 3/65 ทิศทางการเติบโตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้รับบริการรายวัน (Campus Visit per day) สูงขึ้นราว 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และจำนวนผู้ป่วยใหม่ (New Patient) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันพุ่งเกือบ 30% จากหลายปัจจัย ทั้งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการผ่าตัดทำคลอด, ผ่าตัดกระดูกสันหลัง-ข้อเข่าข้อสะโพก, ผ่าตัดต้อกระจกและโรคตา, การให้บริการวัคซีนเด็ก และการเข้าสู่ฤดูฝน ผู้ป่วยรับบริการเพิ่มมากขึ้นตามฤดูกาล โรคที่มากับน้ำ โรคไวรัส RSV ฯลฯ ขณะที่โควิด-19 แม้มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนบ้าง แต่ยังถือว่าเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ไม่เกิน 20-25% ของจำนวนเตียงที่ให้บริการทั้งหมด

ส่วนการดำเนินงานช่วงหลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ บริษัทมีกลยุทธ์สำคัญในการเปิดรับผู้ป่วยต่างชาติด้วยการจัดทัพโรงพยาบาลขับเคลื่อนโดยเชื่อมโยงศักยภาพเครือข่ายของโรงพยาบาลตามความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทำเลที่ตั้งและความต้องการการรับบริการในพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (บางนา กม.7) ตั้งแผนกดูแลผู้ป่วยต่างชาติ เน้นให้บริการผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้าน (Fly-in) ตั้งเป้าเป็นด่านหน้ารองรับผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ห่างเพียง 20 กิโลเมตร

ขณะเดียวกันเร่งขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง อย่างศูนย์หัวใจและหลอดเลือด และเตรียมตั้งศูนย์ Cath lab (ศูนย์ปฏิบัติการเครื่องฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ) พร้อมให้บริการในเดือน พ.ย.65 นี้ และเตรียมเปิด Elite Ward ยกระดับการให้บริการรักษาพยาบาลและอำนวยความสะดวก รองรับกลุ่มพรีเมี่ยมในย่านบางนา และกรุงเทพฝั่งตะวันออกด้วย

อีกทั้งได้ตั้งแผนกดูแลผู้ป่วยต่างชาติ ทั้งที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ และโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี ที่มีอัตราการเติบโตของผู้ป่วยประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางมารักษาในประเทศในรูปแบบ Drive-in ทะลุ 2,000 รายในช่วงไตรมาส 3 ปี 65 พร้อมประเมินหลังเปิดประเทศจำนวนผู้ป่วยต่างชาติจากสปป.ลาว และกัมพูชาในภาพรวมฟื้นตัวราว 15%  สะท้อนถึงความโดดเด่นทางการแพทย์ของไทยในฐานะ Medical Hub ในระดับภูมิภาค

ส่วนในช่วงที่เหลือของปี 65 นี้ บริษัทกำลังเร่งงบลงทุนขยายศูนย์การแพทย์และคลินิกเฉพาะทาง โดยเฉพาะด้านเด็กและโรคระบบทางเดินอาหารซึ่งมีความต้องการสูงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในกลุ่ม PRINC E-SARN ประกอบไปด้วยโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ และโรงพยาบาลพริ้นซ์ สกลนครซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขณะเดียวกันปัจจุบันโรงพยาบาลในเครือ มีอัตราการครองเตียง (Bed Occupacy Rate) เต็มหลายแห่ง จำเป็นต้องขยายการลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่ โรงพยาบาล พิษณุเวช พิษณุโลก, โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์, โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี ส่วนในพื้นที่ภาคกลางตอนบน โรงพยาบาลพริ้นซ์  ปากน้ำโพ 1 และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2 จ.นครสวรรค์ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการรักษาโรคเด็ก อยู่ระหว่างการขยายวอร์ด ICU เด็ก

ทั้งนี้ล่าสุดตั้งศูนย์การแพทย์ที่ให้บริการด้านเคมีบำบัดและการรักษามะเร็ง เช่นเดียวกับโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี ที่เตรียมขยายบริการทางการแพทย์ด้วยการเปิดศูนย์เพื่อการรักษาภาวะมีบุตรยาก หรือ IUI (Intra-Uterine Insemination) รองรับความต้องการบริการการแพทย์โรคเฉพาะทางในพื้นที่

“การขยายบริการทางการแพทย์ขั้นสูงไปยังโรงพยาบาลในเครือ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองรองภายใต้ค่าบริการที่สามารถเข้าถึงได้ ย่อมเกิดประโยชน์และเพิ่มทางเลือกในการรับบริการสาธารณสุขให้กับคนในพื้นที่ ส่งผลต่อสัดส่วนของผู้รับบริการในโรคอื่นๆ ในกลุ่ม Non-Covid ขึ้นมาชดเชยรายได้จากกลุ่ม Covid อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานภาพรวมทั้งธุรกิจโรงพยาบาลและคลินิกในเครือไตรมาส 3/65 ยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้” นายธานี กล่าวว่า

ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าขยายโรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ เป็นจำนวน 20 แห่งภายในปี 67 ตามแผน จากปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 13 แห่งใน 11 จังหวัด เปิดดำเนินการแล้ว 12 แห่ง ประกอบด้วยโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน, โรงพยาบาลศิริเวช ลำพูน, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1, โรงพยาบาล พริ้นซ์  ปากน้ำโพ 2, โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี, โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี, โรงพยาบาล วิรัชศิลป์ ชุมพร, โรงพยาบาลพิษณุเวช พิจิตร, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ, โรงพยาบาล พิษณุเวช พิษณุโลก และโรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์

Back to top button