TNR พุ่งแรง 22% หลังโชว์กำไร Q3 โต 2 เท่า ลุ้นยอดขายทั้งปีทะลุ 1.8 พันล้าน

TNR วิ่งแรง 22% รับงบไตรมาส 3 โต 2 เท่า แตะ 129 ล้านบาท ดัน 9 เดือนกำไร 266 ล้านบาท โต 124% ลุ้นรายได้ทั้งปี 65 ทะลุ 1,800 ล้านบาท เดินเกมเพิ่มยอดขายหลังโควิดคลี่คลาย เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ Custom-Gasym ลุยตลาดอเมริกา และยุโรป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 พ.ย.65) ราคาหุ้น บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ณ เวลา 11:26 น. อยู่ที่ระดับ 11.90 บาท บวก 2.15 บาท หรือ 22.05% สูงสุดที่ระดับ 12.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52.34 ล้านบาท

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า ภาพผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,242 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 119.45 ล้านบาท ซึ่งรับปัจจัยมาจากปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำลง ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลง และตลาดส่งออกมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ประมาณ 50 ล้านบาท บริษัทฯ ยังคงมีกำไรสุทธิสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ยอดขายผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยมีอัตราเติบโตที่ดีทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender) กลุ่มธุรกิจภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท (OBM) และกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ส่วนผลิตภัณฑ์เจลหล่อลื่นมียอดขายเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการฟื้นตัวของธุรกิจหลังจากสถานการณ์ COVID-19 ในหลายประเทศคลี่คลาย ส่งผลให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ เกือบจะเป็นปกติ

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 เติบโตในทิศทางเดียวกัน โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 438 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 207% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42.30 ล้านบาท โดยรายได้และกำไรสุทธิดังกล่าวสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขายและบริการ 447 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท

นอกจากนี้แนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยวางกลยุทธ์มุ่งเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท ล่าสุดได้เปิดตัวถุงยางอนามัย 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ แบรนด์ Custom เพื่อจำหน่ายและทำตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านบริษัท TNR USA INC ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และแบรนด์ Gasym เพื่อจำหน่ายและทำตลาดทวีปยุโรปผ่านตัวแทนจำหน่าย ส่วนแบรนด์ Onetouch ที่มีอยู่แล้วจะจัดจำหน่ายและทำตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเซียเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีออเดอร์ในกลุ่มธุรกิจงานประมูลและกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตที่รอส่งมอบอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี บริษัทฯจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำผลการดำเนินงานปี 2565 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมียอดขายรวมสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 1,800 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

Back to top button