ITC ดีดกลับ 6% ลุ้นยอดอาหารสัตว์จีน-ยุโรปพุ่ง จับตาดันกำไร 3 ปี โตเฉลี่ย 34%

ITC ดีดกลับ 6% ลุ้นยอดอาหารสัตว์จีน-ยุโรปพุ่ง ดันกำไร 3 ปี โตเฉลี่ย 34% โบรกแนะซื้อเคาะเป้าสูง 45 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ธ.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 29.25 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 6.36% สูงสุดที่ระดับ 29.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 265.05 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITC เปิดเผยว่า ในอนาคตเร็ว ๆ นี้ ITC จะก้าวขึ้นเป็นผู้ประกอบการธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเบอร์ 1 ของเอเชีย จากเดิมอยู่อันดับ 2 เป็นรองเพียงบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีตัวเลขห่างกันเพียงหลักร้อยล้านบาทเท่านั้น โดย ITC มีแผนขยายตลาดจีนมากขึ้น ถือเป็นตลาดใหม่ที่มีการขยายตัวสูง 20% ต่อปี บวกกับกระตุ้นตลาดเดิม ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง ที่ยังเห็นการขยายตัวสูงขึ้นทุกปี ตามอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตเฉลี่ย 7% ทุกปี

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมเติบโต 15% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 7,100 ล้านบาท เนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 1,300 รายการ

ส่วนในปี 2566 คาดรายได้รวมจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องเฉลี่ย 15% ซึ่งจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ต่ำกว่า 1,000 รายการต่อปี ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในแต่ละปีจะสร้างรายได้เป็น 15% ของรายได้รวม และมียอดขายเติบโต 8% รวมทั้งกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยวางงบลงทุนไว้ราว 2,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนต่อเนื่องตามแผน นอกจากนี้หลังนำเงินระดมทุนขายไอพีโอไปชำระหนี้สถาบันการเงิน ทำให้ดอกเบี้ยหายไปจำนวนมาก เชื่อว่าจากรายได้รวมที่เติบโต และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงพอร์ตผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเกินระดับ 25% และอัตรากำไรสุทธิเกินระดับ 20%

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเมินรายได้รวมของ ITC ในปี 2565 ไว้ที่ระดับ 19,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 16,529 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 2,721 ล้านบาท ส่วนในปี 2566 ประเมินรายได้รวมไว้ที่ 23,116 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,782 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 ประเมินรายได้รวม 26,824 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,629 ล้านบาท

โดยประเมินราคาเหมาะสมของปี 2566 ไว้ที่ 41-45 บาท อ้างอิง P/E ที่ 26-28 เท่า เทียบเคียงกับ OEM Peers ที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกัน คือ Yantai และ Petpal ซึ่ง listed ในตลาดจีนปัจจุบันเทรดที่ P/E ปี 2566 ราว 31.8 เท่า และ 27.3 เท่า ตามลำดับ มองว่าสิ่งที่ ITC ทําได้ดีกว่า คือความสามารถในการทำกำไร ดังนั้นการใช้เป้าหมาย P/E ที่ 26-28 เท่า ถือว่าเหมาะสม และยังต่ำกว่า P/E เฉลี่ยของทั้ง 2 บริษัท ที่ 30 เท่า

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ITC ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 40.80 บาทต่อหุ้น สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 39.16 บาท อยู่ 4.2% และคาดว่าจะมี upside ที่ 27.5% จากราคาไอพีโอ 32 บาท หลังประเมินกำไรปกติช่วง 3 ปี (2564-2567) ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 34% ซึ่งประเมินกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2565-2567 ที่ 1.40 บาท 1.62 บาท 1.97 บาท ตามลำดับ

โดยล่าสุด(18ธ.ค.65)นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITC กล่าวว่า “ไอ-เทล เตรียมจัดตั้ง i-Tail (Shanghai) Co., Ltd. ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงสู่ตลาดจีน โดยมุ่งเน้นการหาลูกค้ากลุ่มร้านค้าปลีกที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง (Private Label) รวมไปถึงแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง”

โดยประเทศจีนนับเป็นตลาดกลยุทธ์สำคัญที่ ITC สนใจเข้าไปขยายธุรกิจ จากข้อมูลของ Frost & Sullivan ในปี 2564 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับแมวและสุนัขในประเทศจีนมีมูลค่าถึง 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 19.8% และจะมีมูลค่าถึง 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569 ขณะเดียวกัน แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ และค่านิยมในการแต่งงานแล้วค่อยมีลูกในภายหลัง ส่งผลให้ประชากรในจีนหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับพรีเมียมได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนของยุโรป บริษัทย่อยของไอ-เทล ที่เตรียมจัดตั้ง คือ i-Tail Europe B.V. ตั้งอยู่ที่เมืองอูเทร็คท์ (Utrecht) ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงสู่ตลาดในทวีปยุโรป โดยเฉพาะตลาดในสหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ เพื่อมุ่งเน้นการหาลูกค้ากลุ่มร้านค้าปลีกที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง (Private Label) และลูกค้าแบรนด์ระดับภูมิภาคยุโรป รวมไปถึงแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง”

สำหรับการลงทุนในทวีปยุโรป ITC เล็งเห็นว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในทวีปยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักร มีขนาดใหญ่ถึง 16,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 18,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569 บริษัทจึงวางแผนที่จะแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจ และขยายส่วนแบ่งตลาดของบริษัทฯ ในตลาดยุโรป โดยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าเดิม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมไปยังร้านค้าปลีกในประเทศแถบยุโรป โดยเริ่มจากการตั้งบริษัทย่อยในประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังสหราชอาณาจักรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ITC จะเป็นผู้ถือหุ้น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อยทั้งสองแห่งในจีนและเนเธอร์แลนด์ และมีตัวแทนจากบริษัทเข้าไปเป็นกรรมการในบริษัทย่อยดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททั้งสองแห่งแล้วเสร็จภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2566

Back to top button