DMT พุ่งแรง 6% ปักธงรายได้ปี 66 โตเกิน 30% รับปริมาณจราจรคึกคัก

DMT พุ่งแรง 6% ปักธงรายได้ปี 66 โตเกิน 30% รับปริมาณจราจรคึกคัก คาดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คัน/วัน เตรียมทุ่มงบ 434 ลุยงานด้านเทคโนโลยีฯ พร้อมย้ำความพร้อมร่วมชิงเค้ก 3 โครงการ ได้แก่ M5, M82 และสายกะทู้–ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(27 ม.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ณ เวลา 11:02 น. อยู่ที่ระดับ 13.10 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 5.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43.08 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายธานินทร์ พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DMT เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเกิน 30% จากปีก่อน เนื่องจากคาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 คันต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นการคาดการณ์จากปริมาณจราจรที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น จะทำให้ปริมาณการเดินทางโดยรวม และการเดินทางของสนามบินดอนเมืองที่ติดกับทางยกระดับดอนเมือง มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้

ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ DMT เปิดเผยว่า งบลงทุนในปี 2566 อยู่ที่ 434 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่1. การศึกษาวิจัยในงานเทคโนโลยีทางยกระดับ และการศึกษางานในโครงการต่าง ๆ ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท,2. การลงทุนจัดซื้อทางด้านเทคโนโลยีทรัพย์สินใหม่ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง และ3. การดำเนินงานบำรุงทางยกระดับตามแผนงาน ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิศวกรรม

นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมครบทุกด้าน ทั้งด้านการเงิน การระดมทุน เป็นต้น ในการเข้าร่วมประมูลสำหรับ 3 โครงการ โดยมีความคืบหน้าดังนี้ 1.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุขช่วงรังสิต–บางปะอิน (M5) ระยะทาง 22 กิโลเมตร (Km) มูลค่า 39,956 ล้านบาท โดยปัจจุบัน กรมทางหลวงอยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาและนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) รวมทั้งคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (บอร์ดพีพีพี) ภายในเดือน ก.พ. 2566 ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน มี.ค. 2566 และจัดตั้งคณะกรรมการมาตรา 36 เพื่อจัดทำร่างข้อเสนอ (RFP) และคาดว่าจะเปิดประมูลคัดเลือกเอกชน ช่วงปลายปี 2566 เริ่มก่อสร้างปี 2567-2570 โดยจะเปิดให้บริการปี 2571

2.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางขุนเทียน–บ้านแพ้ว (M82) ระยะทาง 24.7 Km มูลค่า 45,730 ล้านบาท ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบรูปแบบการร่วมลงทุน (PPP) แล้วเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost ระยะเวลาสัญญา 32 ปี (ก่อสร้าง 2 ปี และ O&M 30 ปี) คาดว่าจะเปิดคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนได้ภายในกลางปี 2566 และเริ่มก่อสร้างติดตั้งงานระบบช่วงแรกภายในปลายปี 2566 โดยคาดจะแล้วเสร็จเปิดบริการเต็มรูปแบบตลอดทั้งสายพร้อมงานระบบเก็บเงินค่าผ่านทางได้ในปี 2568 และ

3.โครงการทางพิเศษสายกะทู้–ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 4 Km มูลค่า 14,177 ล้านบาท ซึ่งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้เปิดขายเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal : RFP) ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2565 ถึงวันที่ 25 ม.ค. 2566 มีกำหนดการยื่นเอกสารวันที่ 7 เม.ย. 2566 เปิดซองเอกสารข้อเสนอวันที่ 28 เม.ย. 2566 โครงการจะเริ่มก่อสร้างปี 2567-2570 โดยจะเปิดให้บริการปี 2571 ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำ Feasibility โครงการ เพื่อพิจารณาการเข้าร่วมการประมูลต่อไป

Back to top button