KJL ปิดพุ่ง 13% เก็งแผนเพิ่มกำลังผลิต ดันปี 70 “กำไร-รายได้” โต 2 เท่า

KJL ปิดพุ่ง 13% เดินหน้าปรับกลยุทธ์เร่งขยายการผลิตเพิ่มขึ้น พร้อมวางงบลงทุนต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้ราว 500 ล้านบาท จะผลักดันรายได้และกำไรเติบโตขึ้น 2 เท่าตัวภายในปี 70


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ก.พ.66) ราคาหุ้น บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 20.70 บาท บวก 2.30 บาท หรือ 12.50% สูงสุดที่ระดับ 20.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 238.49 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวต่อเนื่อง เป็นผลมาจาก นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KJL เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นราว 28-30% และอัตรากำไรสุทธิ 13-14% หลังจากบริษัทมีแผนในการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่จะเข้ามามากขึ้น อย่างในปีนี้บริษัทมีการปรับแผนการขยายกำลังการผลิตของโรงงานให้เร็วขึ้นจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 20 ล้านชิ้นต่อปีให้เป็น 22 ล้านชิ้น ภายในไตรมาส 1/2566

อีกทั้งปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วยการเร่งขยายกำลังการผลิตเร็วขึ้นกว่าแผนเดิมหลังจากเห็นสัญญาณความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยวางงบลงทุนต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้ราว 500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเท่าตัวสู่ระดับ 40 ล้านชิ้นภายในปี 68 จากปัจจุบัน 20 ล้านชิ้น โดยมีเป้าหมายใหญ่ที่จะผลักดันรายได้และกำไรเติบโตขึ้น 2 เท่าตัวภายในปี 70

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมภายใต้แนวคิด “KJL Everywhere เราอยู่ทุกที่ที่มีไฟฟ้า” ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มโรงพยาบาล, อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน, กลุ่มอุตสาหกรรม IT และ Data Center รวมถึง เทคโนโลยี IOT ที่จะตอบสนองธุรกิจ และการต่อยอดธุรกิจสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดยมีแผนจะนำเสนอสินค้าให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม รวมถึงใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตด้วย Digital Industry 4.0 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในภาคการผลิต ศึกษาการใช้วัตถุดิบการผลิตใหม่ๆ ขยายพื้นที่คลังสินค้า ปรับปรุงระบบโลจิสตติกส์เพื่อเพิ่ม capacity อีก 20%

สำหรับแผนรองรับการเติบโตนั้น นอกเหนือจากการขยายกำลังการผลิต คือการขยายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายสมาชิกในกลุ่มกลุ่มผู้รับเหมาและข่างไฟฟ้า คือ “รวมพลคนไฟฟ้า” เพื่อช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ KJL และช่วยผลักดันยอดขายผ่านคำแนะนำของเครือข่ายสมาชิก โดยมีเป้าหมายยอดสมาชิก 5,000 รายในปีแรก และจะขยายเพิ่มเป็น 3 เท่าตัวคือ 15,000 รายภายในปี 68

โดยบริษัทจะเดินหน้าแผนงานลดต้นทุนลงโดยจะติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาดโรงงานภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ด้วยงบลงทุนราว 25 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า โดยคาดว่าจะมีระยะคืนทุนราว 3.5-4 ปี ภายใต้ IRR ในระดับ  21.6-27.1% พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงเพื่อลดการพึ่งพิงแรงงานคน

Back to top button