สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้

สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 4 ธ.ค.58


– ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.78/80 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 122.68/70 เยน/ดอลลาร์

– ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0884/0887 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0908/0911 ดอลลาร์/ยูโร

– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,333.57 ลดลง 7.05 จุด หรือ 0.53% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 34,717 ล้านบาท

– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 493.48 ล้านบาท (SET+MAI)

 

– นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แนะนักลงทุนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงด้านเงินตราต่างประเทศในการวางแผนธุรกิจสำหรับปีหน้า จากนโยบายของยุโรปกับสหรัฐฯ มีความแตกต่างกัน (policy divergence) ชัดเจนขึ้น ทำให้เงินสกุลในภูมิภาคเอเชียมีโอกาสที่จะผันผวนมากขึ้นในปีหน้า และเคลื่อนไหวได้ทั้ง 2 ทาง

– นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงว่า คงไม่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย และไม่ทำให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออกจากไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่ ECB ลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่า ในทางกลับกัน ตลาดน่าจะจับตามเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มากกว่า

– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ผลต่อไทยจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขยายช่วงเวลาการดำเนินมาตรการ QE ยาวนานขึ้น แต่ก็เป็นจังหวะเวลาทับซ้อนกับที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เตรียมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งทำให้คาดว่ากระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศอาจต้องเผชิญกับภาพที่ผันผวนอย่างยากจะหลีกเลี่ยง

– นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอยุทธศาสตร์การค้าต่างประเทศ โดยเน้นการปรับโครงสร้างทางการค้าและการเดินตลาดเชิงรุก พร้อมทั้งตั้งเป้าผลักดันการส่งออกในปี 59 ให้เติบโต 5% ซึ่งยอมรับว่าเป็นเป้าที่ท้าทาย โดยเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้นและการตั้งเป้าสูงไว้ก่อนน่าจะเป็นผลดี

– นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยปี 59 จะขยายตัวได้ตามคาดการณ์ที่ 3.8% เนื่องจาก 4 เครื่องยนต์หลักจะกลับมาทำงานได้ดีขึ้น ทั้งภาคส่งออกที่ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น อำนาจซื้อของคู่ค้าจะขยายตัวเป็นผลดีต่อส่งออกของไทย, การเร่งการลงทุนของภาครัฐ, การกระตุ้นการบริโภคของภาคประชาชน และการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน

– ตลาดหุ้นจีนจะเปิดใช้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ ในวันที่ 1 ม.ค.59 เพื่อควบคุมภาวะการซื้อที่ผันผวนอย่างรุนแรงในตลาด ทั้งนี้ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และเสิ่นเจิ้น รวมทั้งตลาดอนุพันธ์ของจีนได้ออกกฎเกณฑ์ในการใช้กลไกดังกล่าวในวันนี้ ภายหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน

– นายทาคาชิเดะ คิอูจิ หนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นไม่มีแนวโน้มจะอยู่ที่ระดับ 2% ถึงแม้ว่าจะเป็นปีงบประมาณ 2560 ก็ตาม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการขยายตัวของเงินเดือนนั้นชะลอตัวลง โดยมองว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของ BOJ อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพของการขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น

– รัฐบาลอินโดนีเซียได้ตัดสินใจเลื่อนการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ในวันนี้ โดยมาตรการฉบับดังกล่าวระบุถึงการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) วางแผนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button