6 หุ้นพลังงานวิ่งคึก! รับ “ซาอุดีอาระเบีย” ลดกำลังผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล

6 หุ้นพลังงานวิ่งคึก! PTTEP- PTT-TOP-PTTGC-IRPC-SPRC รับ “ซาอุดีอาระเบีย” ประกาศลดกำลังผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลโดยสมัครใจ เริ่มเดือน ก.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 มิ.ย.66) สำหรับหุ้นพลังงานที่ปรับตัวขึ้นยกแผง รับซาอุดีอาระเบียประกาศยอมลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน นำโดยหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ที่ระดับ 147.50 บาท บวก 5.00 บาท หรือ 3.51% สูงสุดที่ระดับ 147.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 144.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 พันล้านบาท

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ณ เวลา 10:30 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 30.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.65% สูงสุดที่ระดับ 30.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 478.07 ล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP  ณ เวลา 10:32 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 45.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.69% สูงสุดที่ระดับ 45.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 44.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125.85 ล้านบาท

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ณ เวลา 10:34 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.30 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 0.88% สูงสุดที่ระดับ 2.32 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.28 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16.64 ล้านบาท

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ณ เวลา 10:35 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 36.00 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.70% สูงสุดที่ระดับ 36.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 122.90ล้านบาท

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)  หรือ SPRC ณ เวลา 10:36 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 8.85 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.31% สูงสุดที่ระดับ 8.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63.98 ล้านบาท

ด้านผู้สื่อข่าวรายงานโดยอ้างอิงสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศคงกำลังการผลิตไว้ตามเดิม หลังการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ

ทั้งนี้ โอเปกพลัส ประกาศว่า จะจำกัดการผลิตน้ำมันปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) ไว้ที่ 40.463 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยก่อนหน้านี้มีการตกลงปรับลดกำลังการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเดือนตุลาคม 2565 และสมาชิกบางประเทศในกลุ่มยังประกาศลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจอีก 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายนปีนี้

นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจนั้นเดิมจะยกเลิกหลังปี 2566 แต่ขณะนี้อนุญาตให้ยืดเวลาจนถึงสิ้นปี 2567 ได้ และการประชุมครั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศยอมลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยจะเริ่มเดือน ก.ค.นี้ ส่งผลให้การลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของซาอุดีอาระเบียนั้นรวมแล้วอยู่ที่ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และกำลังการผลิตช่วงนั้นจะเหลืออยู่ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน

สำหรับราคาน้ำมันช่วงเช้าของวันจันทร์ตามเวลาการซื้อขายในเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ โดยน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งขึ้น 2.4% มาอยู่ที่ 78.00 เหรียญต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ West Texas เพิ่มขึ้น 2.5% มาอยู่ที่ 73.53 เหรียญต่อบาร์เรล

นาย Bob McNally ประธานบริษัทวิจัยพลังงาน Rapidan Energy กล่าวว่า ตลาดไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของซาอุดีอาระเบีย และนี่เป็นสิ่งชี้วัดว่าซาอุฯ พร้อมจะกระทำอย่างเอกเทศ เพื่อรักษาราคาน้ำมันให้คงที่

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการประชุมโอเปกที่ผ่านมา ภายหลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ จะส่งผลความต้องการน้ำมันช่วงครึ่งปีหลังตึงตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

นอกจากนี้ ประเทศรัสเซียยังส่งออกน้ำมันดีเซลลดลงช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติจะมีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) และโรงกลั่นไตรมาส 2/2566 และแนวโน้มที่ดีช่วงไตรมาสถัดไป ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เป็นต้น

“โอเปกยังประกาศลดกำลังการผลิตปี 2567 อีก 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันยืนอยู่ระดับสูงต่อไปในปีหน้า”

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ระบุ ที่ประชุมโอเปกพลัส (ผลิตน้ำมันดิบสัดส่วนราว 40% ของโลก) ตกลงลดเป้าการผลิตน้ำมันลงอีก 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเป้าหมายรวมปัจจุบัน 40.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค. 2567

ขณะที่ ซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ค. ลดลงเหลือ 9 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ค.เป็นต้นไป

โดยรวมราคาน้ำมันดิบโลกตอบรับเชิงบวก โดยน้ำมันดิบ Brent 1.2% ขณะที่ WTI ปรับขึ้น 1.4% ตอบรับข่าวการลดซัพพลายน้ำมันดิบและปัจจัยบวกจากการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ผ่านเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางการจีนช่วงวันศุกร์นี้ และล่าสุด PMI ภาคบริการจีน สำรวจโดยไฉซิน เดือน พ.ค. ของจีนเพิ่มขึ้น 1.25% อยู่ที่ระดับ 57.1 จุด อยู่เหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

 ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นเซนติเมนต์ (Sentiment) บวกต่อหุ้นน้ำมัน อาทิ PTT, PTTEP กลุ่มโรงกลั่น TOP, IRPC, บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ด้วยเช่นกัน

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” จากเดิม “น้อยกว่าตลาด” สำหรับกลุ่มปิโตรเคมี โดยแม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะช้ากว่าที่คาดก่อนหน้านี้ แต่มองว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี (petrochemical product price spread) นั้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น สำหรับภาพรวมตลาดปิโตรเคมีนั้น ตลาดโอเลฟินส์ (Olefins) ยังมีแนวโน้มเห็นอุปทานส่วนเกินในครึ่งปีหลัง

ขณะที่ ตลาดอะโรเมติกส์ (Aromatics) น่าจะมีความตึงตัวมากขึ้นตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัว สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีในไทย บริษัทมองเห็นถึงความเสี่ยงที่เป็นไปได้จากนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจเกิดขึ้นต่อแนวทางการใช้ทรัพยากรก๊าซธรรมชาติในประเทศในอนาคต อาจส่งผลต่อความสามารถด้านการแข่งขันของบริษัทปิโตรเคมีในไทย อย่างไรก็ดีความเสี่ยงขาลง (downside risk) นี้ถือว่าน่าจะเริ่มจำกัดแล้ว

สำหรับดัชนีกลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวลง 14.6% เมื่อเทียบกับ SET ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตามแนวโน้ม petrochemical product price spread ที่ปรับตัวลงตามเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์การใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีชะลอตัว อย่างไรก็ดีมองว่าหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และ valuation เริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง จึงปรับน้ำหนักการลงทุนขึ้นเป็น “เท่ากับตลาด” ก่อน

ทั้งนี้ ปัจจุบันคำแนะนำสำหรับหุ้นปิโตรเคมี คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เป้าหมาย 40 บาท), บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เป้า 35 บาท และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เป้า 300 บาท

Back to top button