KEX พลิกลบ 5% หลังปัดซื้อ “J&T Express” โบรกแนะ “ขาย” คงเป้า 8.50 บาท

KEX พลิกร่วง 5% หลังปฏิเสธข่าวเตรียมเข้าซื้อ “J&T Express” ยังไม่ทราบเรื่อง หากมีข้อเท็จจริงประการใด จะเรียนแจ้งให้ทราบ ด้านโบรกแนะนำ “ขาย” คาดว่าจะยังคงมีผลขาดทุนหนักไปอีกหลายปี โดยยังคงราคาเป้าหมาย 8.50 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มิ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ณ เวลา 15:07 น. อยู่ที่ระดับ 12.00 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 4.76% สูงสุดที่ระดับ 13.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 166.93 ล้านบาท

ล่าสุดราคาหุ้น KEX พลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ หลังจากภาคเช้าขึ้นไปสูงถึง 13.80 บาท เหตุนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากบริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทยังไม่ทราบเรื่องปรากฎข่าวบนสื่อออนไลน์เรื่อง SF express ได้แสดงเจตจำนงที่จะทำข้อเสนอซื้อหุ้นบางส่วนจาก J&T express นั้น อย่างไรก็ตามหากมีข้อเท็จจริงประการใด บริษัทจะเรียนให้ทราบต่อไป

ขณะเดียวกัน บล.กรุงศรี แนะนำ “ขาย” KEX และคงราคาเป้าหมาย 8.50 บาท หลังจากราคาหุ้น KEX เมื่อวานนี้วิ่งขึ้นมาแรงถึงเกือบ 15% จากความคาดหวังว่าอาจจะได้เห็นความร่วมมือระหว่าง KEX กับ J&T express Thailand ซึ่งทำธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย

ทั้งนี้ ความคาดหวังดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีข่าวว่า SF express ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งพัสดุชั้นนำของจีนกำลังเจรจาเข้าซื้อหุ้น 1-2% ใน J&T express ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุระดับโลกที่มีฐานธุรกิจตั้งต้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย SF express เป็นบริษัทแม่ของ KEX ในขณะที่ J&T express เป็นบริษัทแม่ของ J&T express Thailand โดย SF express มีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ในขณะที่ J&T มีการดำเนินงานในประมาณ 13 ประเทศ

โดยหลังจากธุรกรรมดังกล่าว ตลาดคาดว่าจะเห็นความร่วมมือกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งรวมถึงการดำเนินงานในประเทศไทยด้วย ยังเร็วเกินไปที่จะมองว่า KEX จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ เรายอมรับว่าอาจจะมีความร่วมมือกันในระดับหนึ่งระหว่าง KEX และ J&T express Thailand หลังการซื้อขายหุ้นของบริษัทแม่ทั้งสองบริษัท แต่ระดับของความร่วมมือดังกล่าวไม่น่าจะมากพอที่จะทำให้การแข่งขันด้านราคาลลง และทำให้ทั้งสองบริษัทกลับมามีกำไรได้ เนื่องจาก

1.ความร่วมมือระหว่าง KEX และ J&T อาจจะเป็นแบบหลวม ๆ มาก ๆ เพราะ SF แสดงเจตนาจะซื้อหุ้น J&T เพียง 1-2% เท่านั้น ซึ่งยังไม่มากพอที่จะทำให้บริษัทลูกของทั้งสองบริษัทมีความผูกพันกันอย่างแนบแน่นได้

2.สงครามราคารอบล่าสุดไม่ได้เกิดจาก J&T ซึ่งจัดอยู่ในอันดับ #4 ในแง่ของปริมาณพัสดุจัดส่ง แต่เกิดจาก Flash (อันดับ 3) ซึ่งมุ่งจะชิงส่วนแบ่งตลาดจาก KEX ด้วยการใช้สงครามราคา ดังนั้น การเข้าซื้อ J&T อาจจะไม่ได้ทำให้สงครามราคาในธุรกิจหมดไป

3.ผู้ประกอบการจัดส่งพัสดุทุกรายไม่เพียงแต่เผชิญกับภาวะสงครามราคาเท่านั้น แต่ยังเผชิญกับขาลงของธุรกิจ e-commerce ด้วย ซึ่งความร่วมมือระหว่าง KEX และ J&T อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะช่วยหนุนอัตรากำไรได้มากนัก

ดังนั้น ยังคงคำแนะนำ “ขาย” KEX และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 8.50 บาท เนื่องจากเราคาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลขาดทุนหนักไปอีกหลายปี จากขาลงของ e-commerce และสงครามราคา

Back to top button