MASTER ร่วง 12% นลท.ขายลดเสี่ยง! ก่อนลูกหุ้นเพิ่มทุนเข้าเทรด ปลายสัปดาห์นี้

MASTER ร่วง 12% คาดว่านักลงทุนขายลดความเสี่ยงก่อนลูกหุ้นเพิ่มทุน หลังจากมีการปันผลในอัตรา 10:1 ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท เป็น 264 ล้านบาท คาดเข้าเทรดปลายๆ สัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า


ผู้สื่อข่าวรายงาน (18 ต.ค.66) บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ณ เวลา 14:54 น. อยู่ที่ระดับ 47.00 บาท ลบ 6.50 บาท หรือ 12.15% สูงสุดที่ระดับ 53.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 46.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 138.66 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น MASTER ปรับตัวลงลึก คาดว่านักลงทุนขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงก่อนลูกหุ้นเพิ่มทุนจะเข้าเทรด โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า ลูกหุ้นเพิ่มทุนอาจเข้ามาเทรดปลายสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งลูกหุ้นเพิ่มทุนเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 10:1 ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท เป็น 264 ล้านบาท โดยมีราคาพาร์ 1 บาท

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกําไรไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 98 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 20.2% จากไตรมาสก่อน และ 15.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดรายได้ที่ 491.3 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และ 22.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน

นอกจากนี้การเติบโตของรายได้มาจากการเปิดให้บริการห้อง OR ใหม่ 10 ห้องเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก โดยมี Utilization rate อยู่ที่ราว 70% และมี Operation Hour 12 ชม./วัน จากไตรมาส 2/66 ที่มี utilization rate ที่ 94.8% และมี Operation Hour ที่ 18 ชม./วัน

โดยห้อง OR ใหม่ ให้บริการครบเต็มไตรมาส ในไตรมาส 3/66 เป็นไตรมาสแรก โดยตั้งเป้ามี Utilization rate ที่ 65-70% และ Operation hour ที่ 14 ชม./วัน ขณะเดียวกันคาดมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติที่ 25% จาก 23.6% ในช่วงไตรมาส 2/66 และคาด NPM ในไตรมาส 3/66 ที่ 20% ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส 2/66 ที่ระดับ 17.7% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ปรับคาดการณ์กําไรปี 2566 ลง 15.4% มาอยู่ที่ 380 ล้านบาท โดยคาดกําไรใน 9 เดือนแรกปี 66 อยู่ที่ 251 ล้านบาท คิดเป็น 66% ของที่คาดการณ์ และปรับคาดการณ์กําไรปี 2567 ลง 14% เป็น 507 ล้านบาท โดยคาดรายได้ปี 2566 อยู่ที่ 1.92 พันล้านบาท และในปี 2567 อยู่ที่ 2.44 พันล้านบาทเนื่องจากคาดว่า Pent Up Demand อาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อย

นอกจากนี้ คาดไตรมาส 3/66 และไตรมาส 4/66 จะสามารถทำกําไร New High ได้ต่อเนื่อง และปี 2567 จะเป็นปีที่รับรู้รายได้จากห้อง OR ใหม่เต็มปีและยังคงคาดว่าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติจะอยู่สูงกว่า 20% และคาด Utilizationrate ในปี 2567 จะอยุ่ที่ 65% และคาดมี Upside จากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ประกอบกับการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มมีการรับรู้กําไรและการส่งต่อลูกค้าจากคลีนิคต่างๆ อาทิ Wind Clinic และ Rattinan Medical Center

ดังนั้น แนะนํา “ซื้อเก็งกําไร” ที่ราคาเป้าหมายใหม่  78.00 บาท จากเดิม 82.00 บาท อิงผลประกอบการปี2566 จากการอิงผลประกอบการ 2567 เทียบเท่า Forward P/E ที่ระดับ 31.25 เท่า และ PEG ที่ 0.94 เท่า

Back to top button