รฟท. คาดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทางจะได้รับการอนุมัติใน Q1/59

รฟท. คาดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทาง (มาบกะเบา-จิระ ,ประจวบ-ชุมพร ,ลพบุรี-ปากน้ำโพ, นครปฐม-หัวหิน) จะได้รับการอนุมัติใน Q1/59 พร้อมลงนามได้ในเดือน พ.ค.59


นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่เหลืออีก 4 เส้นทาง รฟท.จะเร่งดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดย 2 เส้นทางแรก คือเส้นทางมาบกะเบา-จิระ และ เส้นทางประจวบ-ชุมพร ได้ผ่านการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน ก.พ.59 และออกประกาศเงื่อนไขการประกวดราคาได้ในเดือนเดียวกัน จากนั้นคาดว่าจะลงนามผู้รับเหมาได้ภายในเดือน พ.ค.59

ส่วนอีก 2 เส้นทางคือ เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ และ เส้นทาง นครปฐม-หัวหิน อยูระหว่างการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะได้รับอนุมัติไม่เกินเดือนก.พ. 59 และจะเสนอต่อครม.ในเดือน มี.ค.59 และจะเร่งให้ลงนามได้พร้อมกันในเดือน พ.ค.59

โดยในวันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานในการลงนามในสัญญาจ้างผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างทางคู่ 2 เส้นทาง ของการรถรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) คือ เส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย

สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย ระยะทาง 97 กม. และทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง ระยะทาง 7.1 แห่ง กับ บริษัท  ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) วงเงิน 9,825.81 ล้านบาท (รวมVAT) และ งาน

สัญญา 2 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ ระยะทาง 9 กม.พร้อมอุโมงค์รถไฟลอดใต้เขาพระพุทธฉาย ระยะทาง 1.2 กม. กับ บาท บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด วงเงิน 407,049,596.00 บาท (รวม VAT) 

และสัญญาจ้างผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วง ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กม. กับ กิจการร่วมค้า ซีเคซีเอช ที่มีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ วงเงิน 23,444.02 ล้านบาท (รวม VAT)         

สำหรับงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางถือเป็นจุดเริ่มต้นศตวรรษรถไฟของกิจการรถไฟไทยหลังจากที่ไม่มีงานก่อสร้างทางคู่มาเป็นเวลานาน 5 ปีแล้วหลังงานก่อสร้างเส้นทาง ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา จึงขอให้เร่งรัดประกวดราคารถไฟทางคู่ทั้ง 4 โครงการให้ก้าวหน้าโดยเร็ว ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้ห่วงใยเรื่องความล่าช้าของงานก่อสร้างรถไฟทางคู่มาตลอด

สำหรับงานสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง. และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย ระยะทาง 97 กม. และทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง ระยะทาง 7.1 กม. ซึ่ง บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้ระยะเวลา 36 เดือน

ส่วนงานสัญญา 2 ประกอบด้วยงานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ ระยะทาง 9 กม. และอุโมงค์รถไฟลอดใต้เขาพระพุทธฉาย ระยะทาง 1.2 กม. ซึ่ง บริษัท ไรท์ทันเนลลิ่ง จำกัด เป็นผู้รับเหมา

โดยโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เป็นงานก่อสร้างทางรถไฟระใระยะทาง 187 กม. มีสถานีรับส่งผู้โดยสาร 19 แห่ง สถานีย่านเก็บกองและขนถ่ายสินค้า 3 แห่ง โดยกิจการร่วมค้าซีเคซีเอช (บมจ.ช.การช่าง กับ บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง) เป็นผู้รับเหมา มีระยะเวลา 36 เดือน

ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า รถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วนอีก 4 เส้นทางที่เหลือ คือ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม วงเงิน 17,291 ล้านบาท คาดว่าจะประกวดราคาได้ช่วงปลายเดือน ม.ค.59 ช่วง มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,853 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.58 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) ได้เห็นชอบรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)แล้ว คาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้อย่างช้าเดือน ก.พ.59  ซึ่งช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มีความสำคัญในการแก้ปัญหาคอขวดของเส้นทางรถไฟที่จะชื่อมต่อภาคอีสาน ส่วนช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม.วงเงิน 24,840 ล้านบาท  และช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,306 ล้านบาท อยู่ระหว่างสนข.แก้ไขรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ให้คณะผู้ชำนาญการ สผ.

อย่างไรก็ตาม ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 ช่วงที่ได้ลงนามครั้งนี้ ได้กำชับให้ร.ฟ.ท.ติดตามเร่งรัดการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าเหมือนการก่อสร้างที่ผ่านมา การก่อสร้างต้องเป็นไปตามตารางแผนงานที่กำหนด และรายงานให้กระทรวงรับทราบเป็นระยะๆ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอุปสรรคเพราะก่อสร้างไปบนเขตทางรถไฟเดิม

Back to top button