
TOP เด้ง 2% หลังแจงน้ำมันรั่วทุ่น SBM-2 ยันไม่กระทบโรงกลั่น-มีประกันครอบคลุม
TOP เด้ง 2% แจงเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่น SBM-2 ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ศรีราชา ประมาณ 8,000 ลิตร จากคลื่นสูงและลมกรรโชกแรง ล่าสุดไม่พบน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติม “บัณฑิต” ยันไม่กระทบโรงกลั่นฯ มีประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิด
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (9 มิ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10:30 น. อยู่ที่ระดับ 28.00 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.82% สูงสุดที่ระดับ 28.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115.11 ล้านบาท
นายบัณฑิต ธรรมประจําจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2568 เวลา 23.54 น. ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเลหมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องจากเกิดเหตุสุดวิสัยจากคลื่นสูงและลมกรรโชกแรงกะทันหัน บริษัทได้ดำเนินการหยุดการขนถ่ายน้ำมัน ตามระเบียบวิธีปฏิบัติด้านความปลอดภัยตามมาตรฐาน หลังจากนั้นระบบป้องกันของทุ่น SBM-2 (Breakaway Coupling) ได้ทำงานตามที่ออกแบบไว้ ซึ่งเป็นไปตามระบบมาตรฐานความปลอดภัย
โดยในระหว่างที่วาล์วของระบบป้องกันของทุ่นกำลังปิดจะมีน้ำมันบางส่วนไหลออกมา ซึ่งระบบดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบทุ่น SBM-2 บริษัทได้มีการวางบูมก่อนการขนถ่ายน้ำมันดิบไว้อยู่แล้ว ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติม และระบบทุ่น SBM-2 ไม่ได้เกิดความเสียหาย ส่วนคราบน้ำมันบนผิวน้ำทะเลเกิดจากคลื่นสูงและลมกรรโชกแรง ทำให้น้ำมันบางส่วนหลุดออกจากแนวบูม และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทกำลังดำเนินการขจัดคราบน้ำมันตามแผนปฏิบัติการของโรงกลั่น และได้บูรณาการร่วมกับภาครัฐและเอกชนในการขจัดคราบน้ำมัน
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 5 มิ.ย.2568 สถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่น SBM-2 คลี่คลายแล้ว โดยมีปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลประมาณ 8,000 ลิตร และมีเพียงบางส่วนที่หลุดออกจากแนวบูม หลังจากได้ทำการขจัดคราบน้ำมัน ศูนย์ประสานงานการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และอธิบดีกรมเจ้าท่าได้สำรวจทั้งทางอากาศและเรือลาดตระเวนบริเวณพื้นที่เกิดเหตุโดยรอบ เกาะสีชัง เกาะค้างคาว รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 มิ.ย.2568 ไม่พบคราบน้ำมัน และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังคงมีการเฝ้าระวังและสำรวจคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดเตรียมกำลังพลและเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ สำหรับแก้ไขสถานการณ์หากพบเห็นคราบน้ำมัน บริษัทขอเรียนให้ทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินเครื่องของโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุน SBM-2 ได้เคยเกิดขึ้นมากแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2566 เวลาประมาณ 21.00 น. ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมันขณะขนถ่ายน้ำมันดิบบริเวณทุ่น SBM-2 ของโรงกลั่นไทยออยล์ศรีราชา โดยผู้บริหารไทยออยล์ แจ้งว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินเครื่องโรงกลั่นน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งมีประกันคุ้มครองความเสียหาย อันเกิดจากทรัพย์สินและธุรกิจหยุดชะงัก ประกันการขนส่งสินค้าทางทะเล ประกันภัยคุ้มครองความรับผิดต่อสิ่งแวดล้อม และประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลที่สาม
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า TOP ชี้แจงปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหล 8,000 ลิตร เทียบกับเหตุการณ์ปี 2566 ที่ 60,000 ลิตร ทั้งนี้มองเชิงลบ (Negative) ต่อเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณ SBM2 เพราะมีแนวโน้มที่บริษัทจะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่าย ship-to-ship ประมาณ 125-130 ล้านบาทต่อเดือน โดยกรณีแย่ที่การตรวจสอบใช้เวลาประมาณ 1 ปี (กรณีดีคือใช้เวลา สัปดาห์-ไม่เกินเดือน) เหมือนเหตุการณ์ปี 2566 อาจมี downside จากค่าใช้จ่ายดังกล่าว 1,500 ล้านบาท และเป็น downside ต่อประมาณการกำไรปี 2568-2569 ประมาณ 5-8% ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ไม่สามารถเคลมประกันได้ อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการกำจัดคราบน้ำมัน/ ชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ/ ฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งของรอบปี 2566 มีค่าใช้จ่าย 200 ล้านบาท (เคลมประกันได้ 80%) และคดีฟ้องร้องที่อาจตามมาจากผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์
อย่างไรก็ตามคงคำแนะนำ “ซื้อ” TOP ราคาเป้าหมาย 33 บาทต่อหุ้น มองราคาหุ้นที่ปรับลด 6% สะท้อนผลกระทบค่าใช้จ่าย ship-to-ship กรณีแย่ ไประดับหนึ่งแล้ว คงมุมมองช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวก จาก overhang โครงการพลังงานสะอาด (CFP) ลดลง หลังบริษัทได้ EPC รายใหม่ และเปิดเผยโครงสร้างต้นทุนส่วนเพิ่มของโครงการมากขึ้น รวมถึง upside จากการใช้สิทธิทางกฏหมายในการเรียกร้องค่าเสียหายต่อเนื่อง รวมทั้งกำไรฟื้นตัวตามค่าการกลั่น และไม่มี stock loss ก้อนใหญ่มาฉุด ทั้งนี้คงมุมมองปี 2568-2569 กำไรฟื้นตัว และจ่ายปันผลต่อเนื่อง