ESTAR วิ่ง 5% โชว์แบ็กล็อก 1.5 พันล้าน ย้ำยอดโอนปีนี้โต 20%

ESTAR บวก 5% แย้มครึ่งปีแรกโกยยอดโอนคิดเป็น 90% ของเป้าปีนี้ที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 1,465 ล้านบาท ทยอยโอนในครึ่งปีหลังอีก 1,000 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีหลังจ่อเปิดใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท มั่นใจยอดโอนปีนี้โต 20% แตะ 2,000 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR ณ เวลา 12:02 น. อยู่ที่ระดับ 0.20 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 5.26% สูงสุดที่ระดับ 0.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.19 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.19 ล้านบาท

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ ESTAR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2568 ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทสามารถทำยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้แล้วคิดเป็นสัดส่วน 90% ของเป้าหมายทั้งปี 2568 ที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท

ขณะที่ล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 1,465 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 1,075 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2569 ดังนั้น บริษัทมั่นใจยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2568 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน เพราะบริษัทมีโครงการบ้านแพง ซึ่งเป็นตลาดที่ยังคงเติบโต โดยจะเปิดขายและทยอยโอนเข้ามาในไตรมาส 3-4 ของปี 2568 รวมทั้งในช่วงปลายปีจะมีการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ด้วย

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 2,400 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ แกรนด์ เธร่า พรีม่า บูรพาพัฒน์–สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคาขาย 5-8 ล้านบาท, 2.โครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ เวลาน่า (บูรพาพัฒน์-สุขุมวิท) มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวดีไซน์ French Villa ระดับราคาขาย 6-9 ล้านบาท และ 4.โครงการ แกรนด์ เวลาน่า คราวน์ กาญจนาภิเษกฯ–พุทธมณฑล สาย 1 มูลค่าโครงการ: 1,500 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ระดับราคา 20-30 ล้านบาท เปิดขายในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2568 โดยวางเป้าหมายยอดขายในช่วงเปิดขายที่ประมาณ 150 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะมีบ้านพร้อมขายและพร้อมโอนทันทีในปีนี้จำนวน 14 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 320 ล้านบาท

นายไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ในช่วงปลายปี 2568 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ ควินทารา มาย’เดน โพธิ์นิมิตร มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท  ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมฝั่งธนบุรี ในระดับราคา 3 -5 บาทต่อยูนิต มีสัดส่วนลูกค้าเป็นคนไทยเป็นหลัก (เป็นเศรษฐีฝั่งธนบุรี) พบว่ามีสัญญาณที่ดี

ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมของอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน น่าจะยังคงเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียวได้ แต่อาจจะเติบโตไม่ถึงตัวเลข 2 หลัก ซึ่งต้องดูทำเลและเซกเมนต์ลูกค้า (Segment) เพราะบางทำเล บาง Segment ยังไปได้ และยังมีความต้องการ ขณะที่เหตุแผ่นดินไหวก่อให้เกิดความต้องการใหม่ขึ้นมา คอนโดมิเนียมประเภท High rise เกิดมีความกังวล แต่คอนโดมิเนียมประเภท Low Rise และโครงการประเภทแนวราบ กลับมีความต้องการมากขึ้น เพื่อเป็น Safe Zone (พื้นที่ปลอดภัย) ของลูกค้า โดยปัจจัยบวกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ก็ยังมีเรื่องของการผ่อนปรนมาตรการ LTV, อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ, ราคาบ้านที่ยังไม่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงวัสดุในการก่อสร้างยังไม่มีการปรับราคา (ทรงตัว)

Back to top button