
6 หุ้นพลังงานพุ่ง! ขานรับ “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้า
หุ้นพลังงานคึก! นำโดย PTT, PTTEP, OR พุ่งแรง มั่นใจเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ก.ค. 68) ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นทั่วหน้า ณ เวลา 10:22 น. นำโดย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 125.00 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 2.04% สูงสุดที่ระดับ 127.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 124.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 733.57 ล้านบาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 33.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.76% สูงสุดที่ระดับ 33.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 33.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 956.30 ล้านบาท
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 24.40 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.09% สูงสุดที่ระดับ 24.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 467.03 ล้านบาท
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 35.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.43% สูงสุดที่ระดับ 35.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 35.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 191.80 ล้านบาท
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 13.90 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 4.51% สูงสุดที่ระดับ 14.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 191.97 ล้านบาท
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.03 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 9.57% สูงสุดที่ระดับ 1.08 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.95 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90.47 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติผ่านบัญชี NVDR (Non-Voting Depository Receipt) ยังคงเดินหน้าเข้าซื้อสุทธิในหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อทิศทางเศรษฐกิจและภาวะตลาดทุนไทย
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อสุทธิผ่าน NVDR สูงสุด ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีมูลค่าซื้อสุทธิ 788.34 ล้านบาท รองลงมา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีมูลค่าซื้อสุทธิ 585.71 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า นอกเหนือจากการเข้ามาเก็บหุ้นพลังงานแล้ว ยังมีเซนติเมนต์เชิงบวกมาจากความคืบหน้าการเจรจาภาษีทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ รวมถึงประเด็นการประกาศหยุดยิงระหว่างประเทศไทยกับทางกัมพูชา
โดยนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยขับเคลื่อนโดย 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. เศรษฐกิจโลกผ่อนคลาย เสถียรภาพระหว่างประเทศดีขึ้น โดยข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ยุโรปช่วยลดแรงกดดัน โดยแลกเปลี่ยนภาษี 15% กับการนำเข้าก๊าซ และเงินลงทุนในสหรัฐฯ ใน 3–5 ปี ด้านสหรัฐฯ ขยายเวลาผ่อนผันภาษีกับจีนอีก 90 วัน ขณะที่ทรัมป์ส่งสัญญาณชัด “กรอบภาษีทั่วโลกจะไม่เกิน 15–20%” ช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อนักลงทุนทั่วโลก
2. ไทย–กัมพูชา บรรลุหยุดยิง เปิดประตูสู่ดีลการค้ากับสหรัฐฯ โดยข้อพิพาทคลี่คลาย หนุนบรรยากาศเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและการทูต สมมติฐาน KSS คือ ไทยได้กรอบภาษีที่ 25% มีโอกาสดีกว่าคาด เป็น “อัพไซด์ทางยุทธศาสตร์” สำหรับกลุ่มส่งออกและลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ
3. ราคาน้ำมันฟื้นตัว 2.36% รับดีลการค้า หนุนกลุ่มพลังงาน โดยกลุ่มน้ำมันมีน้ำหนัก 10% ของมูลค่าตลาด ขณะที่ราคาฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนแรงเก็งกำไรกลุ่ม PTT, PTTEP, TOP
และ 4. DELTA งบต่ำคาด แต่เงินทุนยังอยู่ในตลาด กำไรต่ำกว่าคาดจากมาร์จิ้นอ่อนตัว แต่มีโอกาสให้เม็ดเงิน “ไหลหมุน” ไปสู่หุ้น Big Cap อื่น อาทิ พลังงาน รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันและการค้า, China Plays รับแรงหนุนจากสหรัฐฯ คลายดีลจีน, ธนาคาร รับ Sentiment Fed คงดอกเบี้ยกลางสัปดาห์ ขณะที่ ADVANC เข้าสู่ช่วงจ่ายปันผลครึ่งแรกของปี 2568