TACC วิ่ง 2% ลุ้นรายได้ครึ่งปีหลังทะลุ 2 พันลบ. โบรกชูเป้า 6.60 บ.

TACC มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อ เดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ ขยายฐานลูกค้า B2B-B2C พร้อมมองหาโอกาสลงทุนผ่าน M&A และ JV หนุนรายได้ปี 68 เติบโต 10% ทะลุ 2,000 ล้านบาท โบรกอัพคาดการณ์กำไรทั้งปีพุ่ง 20% แตะ 297 ล้านบาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 6.60 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (4 ก.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ณ เวลา 10.55 น. อยู่ที่ระดับ 4.94 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 2.07% สูงสุดที่ระดับ 4.96 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.47 ล้านบาท

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร TACC เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มสดใสอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ทั้งในส่วนธุรกิจ B2B  (7-Eleven) และ B2C (Non 7-Eleven) โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าในกลุ่ม Core Menu และ New Menu ร่วมกับพันธมิตร 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งเครื่องดื่มเย็นในโถกด (7-Select) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Café

นอกจากนี้ TACC ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และผลักดันการใช้แนวคิด ESG เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ร่วมกับการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะสนับสนุนรายได้รวมปี 2568 ทะลุ 2,000 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 10% ตามแผน

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 577.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.99 ล้านบาท หรือ 16.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 79.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.70
ล้านบาท หรือ 15.66% ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้จากการขายรวม 1,107.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.02 ล้านบาท หรือ 15.91% และมีกำไรสุทธิ 152.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.44 ล้านบาท หรือ 18.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ร่วมกับ 7-Eleven การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามฤดูกาลของเครื่องดื่ม และกระแสความนิยมของชาไทยและชาเขียวที่ยังมีต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 126 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2568

บล.พาย ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง TACC ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าธุรกิจยังเติบได้ดีในอนาคตผ่าน 7-11 ทั้งการเปิดสาขาใหม่และการออกรสชาติใหม่ๆเพิ่ม

ส่วนแผนการเพิ่มสัดส่วนรายได้ นอกจากกลุ่ม 7-11 ทาง TACC มองถึงการเพิ่มรายได้จากสัดส่วนสินค้าเครื่องภายใต้แบรนด์ตัวเองอย่าง TRIVA หรือการเพิ่มประเภทสินค้าใหม่อย่างเช่นที่เปิดขาย เจลลี่ซอง ในช่วงครึ่งแรกปี 68 ที่ผ่านมา ขณะที่ การควบคุมต้นทุน เริ่มมีการสต๊อกวัตถุดิบสำคัญอย่างเมล็ดกาแฟบ้างแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับตัวขึ้นเหมือนที่ผ่านมา และจากกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกปี 68 ที่สูงถึง 152 ล้านบาท ทำให้ฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับกำไรทั้งปีขึ้นเป็น 297 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิมอยู่ที่ 274 ล้านบาท

Back to top button