
JAS ดีด 1% ลุ้น Q4 ยอดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทะลุเป้า 2 ล้านราย โบรกชูเป้า 1.97 บาท
JAS เด้ง 1% มั่นใจไตรมาส 4/68 ยอดสมาชิกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทะลุเป้า 2 ล้านราย เพิ่มคอนเทนต์ใหม่ ล่าสุดเตรียมบุกตลาดเวียดนามสมาชิกกว่าล้านราย พร้อมบันทึกกำไรพิเศษชนะคดี NT อีก 5 พันล้านบาท ด้าน “บล.กสิกรไทย” ให้ราคาเป้าหมาย 1.97 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ก.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ณ เวลา 10:14 น. อยู่ที่ระดับ 1.53 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 0.66% สูงสุดที่ระดับ 1.54 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.52 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12.92 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา โดยภายหลังจาก JAS และบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เริ่มถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) ฤดูกาล 2025/26 นัดแรกเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2568 เป็นเวลากว่า 1 เดือน พบว่ามียอดสมัครสมาชิกผ่าน Monomax (โมโนแมกซ์) เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านรายจากทุกช่องทาง ล่าสุด ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS ได้ร่วมให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จากโบรกเกอร์หลายแห่ง เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดคุ้มทุน (Break-even) ของ JAS จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) อยู่ที่ยอดสมัครสมาชิกประมาณ 1.7 ล้านราย จากปัจจุบันมีสมาชิก 1 ล้านราย เหลืออีกประมาณ 700,000 ราย คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนนี้ภายใน 2 เดือน หากโมเมนตัมยังคงที่ ขณะที่ MONOMAX มีจุดคุ้มทุนต่ำกว่าที่ 600,000-700,000 ราย เท่านั้น
“อัตราการเติบโตของยอดสมาชิกของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ปัจจุบันอยู่ที่ 150,000-200,000 รายต่อสัปดาห์ โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ แมตช์ยอดนิยม คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน ยอดสมาชิกน่าจะแตะ 2 ล้านราย”
ขณะที่ JAS เร่งการจัดการปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ (Piracy) ตอนนี้ค่อนข้างทำกันเข้มข้น รวมทั้งมีการทำการตลาดเพิ่มเติม ล่าสุด JAS ได้ลิขสิทธิ์วอลเลย์บอลโลกเข้ามาราคาประมูล 200 ล้านบาท มีผู้ใช้งานเดิมที่จ่ายเงินดูอยู่แล้วประมาณ 100,000 ราย จะถูกย้ายมาแพลตฟอร์มนี้ (เหมือนเป็นการการันตีผู้ใช้ 100,000 ราย) กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงจำนวนมาก รวม ทั้งได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลลีกเอิง ฝรั่งเศส เพิ่มใหม่ และการถ่ายทอดมวยในอนาคต จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ที่แตกต่างจากฟุตบอล
นอกจากนี้ JAS ยังขยายตลาดประเทศเวียดนาม ที่อยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยตลาดเวียดนาม มีเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมที่กำลังจะออกจากตลาด ทำให้เป็นโอกาสเข้าไปแทนรายเดิม คาดว่ามีแฟนบอลหลักล้านรายใกล้เคียงกับประเทศไทย
ส่วนประเทศกัมพูชาตอนนี้หยุดดำเนินการไปก่อน ลิขสิทธิ์มีอยู่แต่ยังไม่ทำอะไรมาก รอดูสถานการณ์ระหว่างประเทศ ส่วนประเทศ สปป.ลาว ยังคงดำเนินการอยู่
ขณะที่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เข้ามาช่วย JAS เรื่องหาสปอนเซอร์ ปัจจุบันมียอดเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์กว่า 650 ล้านบาทต่อปี ซึ่งแพลนบีจะมีรายได้แบบการแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) โดย PLANB ได้รับสิทธิ์บริหารสิทธิประโยชน์ทางการตลาดของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (Premier League) เป็นเวลา 3 ฤดูกาล (2025/26-2028/29) โดยร่วมมือกับ JAS ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด และ MONOMAX แพลตฟอร์ม OTT เพื่อบริหารการตลาดครบวงจร
ด้านบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เป็นการขายแพ็กเกจร่วมกับ MONOMAX ฐานลูกค้ายอด 1 ล้านราย มาจาก AIS กว่า 60% ที่เหลือผ่านทางโมโนแม็กซ์ ขณะที่ TOYOTA เป็นช่องทางหนึ่งที่ลูกค้าสมัครแล้วมารวมกันที่ MONOMAX เช่นกัน
สำหรับประเด็นการชนะคดีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษ 5,000 ล้านบาท จากคดี NT อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลประกอบการไตรมาส 4/2568 ซึ่งจะได้ข้อสรุปช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ว่าจะมีการชำระเงินแบ่งเป็นกี่งวด แต่เชื่อว่าจะไม่นานเกิน 1 ปี
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หลัง JAS ชนะคดีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ได้เงิน 5,100 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในแง่การจ่ายเงินช่วงเดือน ต.ค.นี้ โดยเป็นการทยอยจ่ายแต่ไม่นาน เงินที่จะทยอยได้รับคิดเป็นมูลค่าเพิ่มประมาณ 0.6 บาทต่อหุ้น
ส่วน MONOMAX โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยอดสมัครล่าสุดอยู่ที่ 1 ล้านราย ในเดือน ก.ย. 2568 โดยยังต่ำกว่าเป้าหมาย 2-3 ล้านราย อย่างไรก็ดี บริษัทคงเป้าหมายอยู่ที่ 2-3 ล้านราย
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย JAS ไว้ที่ 1.97 บาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าหุ้นที่ได้จากกำไรจากการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่ 0.78 บาท ปัจจุบันใกล้ถึงจุดคุ้มทุนแล้วที่ยอดสมาชิก 1.7 แสนราย ส่วนหนึ่งเกิดจากการปิดเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งการเพิ่มคอนเทนต์กีฬาใหม่ ๆ เข้ามา ทั้งวอลเลย์บอลโลก และฟุตบอลฝรั่งเศส
“คาดว่า JAS จะเริ่มมีกำไรจากลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ไตรมาสแรกปี 2569 โดยปัจจุบันจ่ายค่าลิขสิทธิ์ประมาณปีละ 3,200 ล้านบาท”
ขณะที่ AIS จะมีผลประกอบการดีขึ้นจากความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ JAS เนื่องจากไม่ต้องแบกต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่กลับมีได้รายได้เพิ่มจากการถ่ายทอดสดฟุตบอลผ่านแพ็กเกจร่วมกับ JAS รวมทั้งยังสนับสนุนการขยายฐานสมาชิกการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเน็ตบ้านของเอไอเอส
ส่วน PLANB จะมีส่วนแบ่งรายได้จาก JAS ประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อปี จากฐานลูกค้าสมาชิก EPL ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผู้บริหาร JAS รายงานความคืบหน้าธุรกิจลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) โดยล่าสุดจำนวนสมาชิกได้เพิ่มขึ้นจาก 750,000 คน ช่วงเดือนสิงหาคม 2568 เป็นมากกว่า 1 ล้านคนในปัจจุบัน สอดคล้องกับประมาณการที่วางไว้
สำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้มาจากการร่วมมือทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดย 60% ของสมาชิกทั้งหมดเป็นสมาชิกของ AIS ขณะที่ 40% เป็นสมาชิกโดยตรงผ่าน Monomax แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่เน้นการสร้างพันธมิตร
ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญ จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ EPL มาจากปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1) ราคาที่เข้าถึงได้ แพ็กเกจรับชมที่มีราคาเพียง 199-299 บาทต่อเดือน ถูกกว่าแพ็กเกจเดิมของคู่แข่งอย่าง TRUE ที่มีราคา 599 บาทต่อเดือนในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
2) ความร่วมมือกับพันธมิตร การจับมือกับบริษัทใหญ่ ๆ เช่น ADVANC (AIS) และ PLANB ช่วยขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว 3) การปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ มีการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ โดย JAS และ ADVANC ได้ร่วมกันลบลิงก์ไปแล้วกว่า 9,137 ลิงก์ นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการทางกฎหมายกับเว็บไซต์ผิดกฎหมาย 5 แห่ง รวมถึงการปิดตัวลงของ GoDaddy ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีสมาชิกผิดกฎหมายกว่า 5 แสนคน
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายสมาชิก EPL ไว้ที่ 2-3 ล้านคน โดยประเมินว่า ตลาดที่สามารถเข้าถึงได้มีขนาดใหญ่มากถึง 3.5-4 ล้านคน ขณะที่จุดคุ้มทุนกำไรสุทธิของ JAS อยู่ที่ 1.7 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกและการเติบโตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต


