AOT บวก 3% รับชงแผน “Master Plan” ฉบับใหม่รองรับ”ฮับการบิน”จ่อปรับ PSC ไม่ต่ำกว่า 200 บ.

AOT บวก 3% ขานรับข่าวชงแผน “Master Plan” ฉบับใหม่ รองรับ "ฮับการบิน" พร้อมจ่อปรับขึ้น PSC ไม่ต่ำกว่า 200 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ณ เวลา 10:46 น. อยู่ที่ระดับ 41.00 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.14% สูงสุดที่ระดับ 41.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 457.48 ล้านบาท

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยผ่านในงานสัมมนา Skyconomy : Thailand’s Runways to Aviation Hub จากสนามบินสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 68 ว่า “Master Plan ฉบับใหม่พร้อมแล้วที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยแผนฉบับนี้มุ่งสู่การยกระดับประเทศไทยให้เป็น Aviation Hub อย่างเต็มรูปแบบ”

สำหรับการจะพัฒนาท่าอากาศยานของ AOT ให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนั้น การปรับค่า PSC มีความสำคัญ เพื่อให้ AOT มีรายได้มากขึ้นในการนำมาลงทุนพัฒนาโครงการต่างเพื่อเพิ่มรายได้ทั้งจากกิจการบิน (Aero) และมิใช่กิจการบิน (Non Aero) ซึ่งขณะนี้ AOT ได้นำส่งรายละเอียดการเสนอขอปรับขึ้นค่า PSC ไม่ต่ำกว่า 200 บาทไปยัง CAAT แล้ว จากก่อนหน้าที่เคยเสนอขอปรับขึ้น 5 บาท เนื่องจากเห็นว่า AOT มิได้มีการปรับขึ้นค่า PSC มายาวนานถึง 19 ปีแล้ว และอัตรา 5 บาทนั้น ได้รับการพิจารณาล่าช้าเนื่องจากรอแต่งตั้งกรรมการ กบร.ที่ขาดอีก 1 ราย AOT จึงว่าจ้างที่ปรึกษามาศึกษาอัตรา PSC ที่เหมาะสม และเสนอขอปรับขึ้นแบบปรับใหญ่ พร้อมทั้งเสนอ CAAT ให้ช่วยพิจารณาการปรับค่า PSC ทุก ๆ 5 ปี ตามมาตรฐานสนามบินทั่วโลกด้วย

ขณะเดียวกัน AOT จะต้องปรับรูปแบบการลงทุนให้ชาญฉลาด เช่น การลงทุนโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) วงเงิน 120,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคนต่อปี AOT จะแบ่งลงทุนเป็นเฟสตามอัตราการเติบโตของผู้โดยสาร เพื่อเป็นการทยอยลงทุนตามความเหมาะสมมิให้เป็นภาระแก่ AOT มากนัก เป็นต้น

ทั้งนี้เชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะช่วยทำให้ AOT มีรายได้และกำไรมากขึ้น สามารถชดเชยผลกระทบจากสัญญากิจการพื้นที่ปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) คิง เพาเวอร์

ส่วนความคืบหน้าการศึกษาการแก้ปัญหาสัญญากับกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์นั้น ขณะนี้การศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ AOT วันนี้ (29 ต.ค. 2568) โดยมี 2 ทางเลือกหลัก คือ 1.) ยกเลิกสัญญาและเปิดประกวดราคาหาผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้รายได้ของ AOT หายไปทันทีเป็นเวลาหลายเดือน

2.) แก้ไขสัญญาโดยเจรจากับคิง เพาเวอร์ ซึ่งที่ปรึกษาได้เสนอแนวทางการเจรจามา 8 แนวทาง และ AOT จะเลือกแนวทางที่ส่งประโยชน์ต่อ AOT มากที่สุด แต่ยอมรับว่าการการันตีรายได้ขั้นต่ำและอัตราส่วนแบ่งรายได้จะต้องลดลงแน่นอน เพียงแต่จะไม่ลดลงต่ำกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ผู้เสนอราคาที่ได้คะแนนเป็นลำดับ 2 คือ  กิจการร่วมค้าการบินกรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) เคยเสนอไว้ โดยคาดว่าสัญญาคิง เพาเวอร์จะได้ข้อยุติภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

Back to top button